องคมนตรีติดตามโครงการด้านพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

วันที่ 6 ธันวาคม 2566 นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคเหนือ นายศุภรัชต์ อินทราวุธ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนา สำนักงาน กปร. และคณะอนุกรรมการฯ เดินทางไปติดตามโครงการทำนบดินห้วยป่าดำพร้อมระบบส่งน้ำและแก้มลิงหนองผาพร้อมอาคารประกอบอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลแม่อ้อ อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย โดยรับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินงานโครงการฯ จากผู้แทนกรมชลประทาน โอกาสนี้องคมนตรีพบปะราษฎรผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ ร่วมปล่อยพันธุ์ปลา ณ บริเวณโครงการฯ และตรวจเยี่ยมพื้นที่โครงการฯ

โครงการทำนบดินห้วยป่าดำพร้อมระบบส่งน้ำและแก้มลิงหนองผาพร้อมอาคารประกอบอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2564 ตามที่ราษฎรบ้านแม่อ้อนอก หมู่ที่ 2 ตำบลแม่อ้อ อำเภอพาน ขอพระราชทานโครงการเพื่อช่วยเหลือราษฎร จำนวน 6 หมู่บ้าน โดยสำนักงาน กปร. กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินงานสนองพระราชดำริ ตรวจสอบสภาพพื้นที่โครงการและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม พบว่าราษฎรในพื้นที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก ต้องอาศัยแหล่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำแม่อ้อซึ่งมีความจุ 1.34 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่เนื่องจากระดับความสูงของพื้นที่สูงกว่าแนวคลองส่งน้ำ จึงอาศัยแหล่งน้ำจากหนองผาซึ่งมีความจุ 0.25 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำ เนื่องจากแหล่งน้ำที่นำมาเติมในหนองผาต้องอาศัยน้ำจากน้ำฝนและน้ำที่เหลือจากการทำนา การเพาะปลูกจึงทำได้เฉพาะฤดูฝน ส่วนในฤดูแล้งไม่มีน้ำสำหรับทำการเกษตร สร้างความเดือดร้อนแก่ราษฎรเป็นอย่างมาก

กรมชลประทานได้ดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยป่าดำ ขนาดความจุ 0.381 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยโครงการทำนบดินห้วยป่าดำและพัฒนาแก้มลิงหนองผาฯ ตั้งอยู่ในเขตบ้านแม่อ้อนอก หมู่ที่ 2 ราษฎรในพื้นที่โครงการน้ำจากห้วยป่าดำและน้ำฝนในการเพาะปลูก โดยมีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำแม่อ้อ ขนาดความจุ 1.34 ล้านลูกบาศก์เมตร ช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกได้ 3,200 ไร่ และโครงการขุดลอกหนองผา ขนาดความจุ 0.25 ล้านลูกบาศก์เมตร ช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกได้ 300 ไร่ สามารถเป็นแหล่งน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภคและทำการเกษตรของราษฎรในพื้นที่โครงการและหมู่บ้านใกล้เคียง ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรภายในพื้นที่โครงการในฤดูฝนได้ 400 ไร่ และฤดูแล้ง 50 ไร่ ราษฎรจำนวน 1,269 ครัวเรือน ประชากร 3,258 คน รวมถึงบรรเทาปัญหาการเกิดอุทกภัยทางด้านท้ายน้ำของโครงการ ส่งผลให้ราษฎรในพื้นที่มีความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตดีขึ้น

ช่วงบ่าย เดินทางไปยังโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยสักอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลห้วยสัก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย รับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินงานโครงการฯ จากผู้แทนกรมชลประทาน การนี้ องคมนตรีพบปะราษฎรผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ และตรวจเยี่ยมพื้นที่โครงการฯ

โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยสักอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2527 ตามที่ราษฎรบ้านห้วยสัก อำเภอเมืองเชียงราย ขอพระราชทานโครงการเนื่องจากได้รับความเดือดร้อนจากปริมาณน้ำใช้เพื่อการเพาะปลูก ในฤดูแล้งปริมาณน้ำต้นทุนมีน้อยหรือฤดูฝนหากฝนทิ้งช่วงไม่ตกตามฤดูกาลจะทำให้พื้นที่เพาะปลูกของราษฎรได้รับความเดือดร้อนมาก โดยสำนักงาน กปร. ได้ดำเนินงานสนองพระราชดำริสนับสนุนงบประมาณให้แก่กรมชลประทาน ในการดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแล้วเสร็จในปี 2528 ขนาดความจุ 4.180 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถส่งน้ำสนับสนุนพื้นที่เกษตรกรรม จำนวน 10,000 ไร่ ราษฎรจำนวน 10 หมู่บ้าน 2,930 ครัวเรือน ประชากร 5,542 คน มีน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอ ราษฎรส่วนใหญ่ปลูกข้าวนาปีให้ผลผลิตเฉลี่ย 800 กิโลกรัม/ไร่ และข้าวนาปรังให้ผลผลิตเฉลี่ย 950 กิโลกรัม/ไร่ นอกจากนี้ ราษฎรที่ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ ได้รวมกลุ่มจัดตั้งเป็นกลุ่มผู้ใช้น้ำอ่างเก็บน้ำห้วยสัก, กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ศิลปะร่วมสมัย อาทิ ข้าวสารพันธุ์ต่างๆ ผลิตภัณฑ์อีโคปริ๊น รวมทั้งนำผลผลิตมาแปรรูปเป็นสมุนไพรอบตัว น้ำสมุนไพร ส่วนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนพัฒนาสมุนไพรพื้นบ้าน โรงเรียนผู้สูงอายุวัดเกษมสุข อาทิ แชมพู สบู่สมุนไพร และผลิตภัณฑ์จักสาน

จากนั้น คณะเดินทางไปยังศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันเมล็ดคามีเลียและน้ำมันพืชอื่น  ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โอกาสนี้องคมนตรีเป็นประธานเปิดงานมหัศจรรย์ 10 ชาติพันธุ์แม่สาย ครั้งที่ 9

กองประชาสัมพันธ์ สำนักงาน กปร.