ที่กระทรวงยุติธรรม นายมงคลกิตติ์  สุขสินธารานนท์  อดีต สส.บัญชีรายชื่อและอดีต หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมด้วย นางสาวภคอร จันทรคณา อดีต สส.บัญชีรายชื่อและอดีต รองหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์  ยื่นหนังสือถึง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  เรื่อง ขอให้ตรวจสอบการแอบขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว สัญชาติ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่มีที่มานอกเหนือจาก มติ ครม. เมื่อวันที่ 5 กรกฏาคม 2566 หรือแรงงานเถื่อนกว่า 5-7 แสนราย

โดยนายมงคลกิตติ์ ระบุว่า เนื่องด้วย พรรคไทยศรีวิไลย์  ได้รับการร้องเรียน จากข้าราชการประจำผู้รักความถูกต้อง บริษัทจัดหางาน ว่ามีการแอบขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวนอกระบบ ตามมติ ครม. เห็นชอบ เมื่อ 5 กรกฏาคม ที่ผ่านมา โดย มี 3 ประเด็น  คือ  ผ่อนผันให้แรงงานข้ามชาติ ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 ที่นายจ้างยื่นบัญชีรายชื่อแจ้งความต้องการฯ ต่อกรมการจัดหางาน    (กกจ.) แล้ว ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนประมาณ 1,000,000 คน โดยต้องดำเนินการตามแนวทางที่มติ ครม.กำหนด เพื่ออยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษและทำงานได้ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ต่อมา ผ่อนผันให้แรงงานข้ามชาติ 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) ที่เข้ามาทำงานตามเอ็มโอยู ซึ่งวาระการจ้างงานครบ 4 ปี (ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 – วันที่ 31 ธันวาคม 2566) อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษและทำงานเป็นการชั่วคราว ถึงวันที่ 30 เมษายน 2567 โดยระหว่างผ่อนผันให้นายจ้างขออนุญาตนำแรงงานข้ามชาติที่ได้รับการผ่อนผัน เข้ามาทำงานตามเอ็มโอยู และให้แรงงานเดินทางกลับประเทศต้นทางและเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยในโอกาสแรกโดยไม่ต้องมีระยะเวลาพัก 30 วัน และลดค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ครั้งละ 2,000 บาท เหลือ 500 บาท และค่าธรรมเนียมคำขออนุญาตเพื่ออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไป จากครั้งละ 1,900 บาท เหลือครั้งละ 500 บาท ทั้งสำหรับแรงงานข้ามชาติที่เข้ามาทำงานตามเอ็มโอยู และแรงงานข้ามชาติที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ

นายมงคลกิตติ์  กล่าวด้วยว่า  ช่วงที่ผ่านมา หลังวันที่  31 กรกฏาคม 2566 กรมการจัดหางานได้ปิดระบบลงทะเบียนผ่อนผันแรงงานต่างด้าว  ที่นายจ้างยื่นบัญชีรายชื่อแจ้งความต้องการฯ ต่อกรมการจัดหางาน    (กกจ.) แล้ว ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนประมาณ 1,000,000 คน โดยต้องดำเนินการตามแนวทางที่มติ ครม.กำหนด เพื่ออยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษและทำงานได้ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 แต่ขณะนี้ ปรากฏว่า มีบริษัทจัดหางานจำนวนหนึ่ง ประมาณ 5% ร่วมมือกับ คนใกล้ชิดบ้านใหญ่(Y)  คนสนิทรัฐมนตรี(P) ข้าราชการประจำระดับสูง(P) ของกระทรวงแรงงาน แอบขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวนอกระบบ(เถื่อน) เพิ่มเติมกว่า 5-7 แสนราย คิดหัวละ 4,500 บาท เก็บจากโรงงานต่างๆที่รับแรงงานต่างด้าวเข้าทำงาน วงเงินทุจริตฟอกเงินร่วม 3,000 ล้านบาท ผ่านบริษัทจัดหางาน กว่า 15 แห่ง  ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นผลเสียต่อความมั่นคงระหว่างประเทศ เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ในหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งเป็นภัยอย่างร้างแรงอีกทั้งยังเป็นความผิดมูลฐานการฟอกเงิน ดังนั้น พรรคไทยศรีวิไลย์  จึงเรียนมายัง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ขอให้ตรวจสอบการแอบขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว สัญชาติ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม(นอกระบบ หรือ เถื่อน) นอก มติ ครม.5 กรกฏาคม 2566  กว่า 5-7 แสนราย พร้อมดำเนินการยึดทรัพย์ผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะมีความผิดมูลฐานว่าด้วยการค้ามนุษย์และฟอกเงินต่อไป