วันที่ 20 ธ.ค.66 นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวระหว่างวันที่ 11 – 17 ธันวาคม 2566 โดยกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวในสัปดาห์ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเดือนสุดท้ายของปีนี้

อย่างไรก็ตามในช่วงสัปดาห์นี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า โดยมีปัจจัยจากการเข้าสู่ช่วงปิดภาคเรียนของมาเลเซีย ส่งผลให้นักท่องเที่ยวมาเลเซียขยับขึ้นมาเป็นกลุ่มที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นอันดับที่ 1 จำนวน 104,838 คน หรือเพิ่มขึ้น 10,325 คน จากสัปดาห์ก่อนหน้า และการเข้าสู่ช่วง Winter Holiday ในช่วงสิ้นปีของภูมิภาคยุโรป ส่งผลให้ในภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 676,505 คน โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ มาเลเซีย จีน รัสเซีย เกาหลีใต้ และอินเดีย

 

ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวมาเลเซีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า ร้อยละ 10.92 ร้อยละ 5.86 และร้อยละ 3.73 ตามลำดับ ในขณะที่นักท่องเที่ยวจีน และอินเดีย ปรับตัวลดลง ร้อยละ 12.59 และร้อยละ 5.34 ตามลำดับ โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย และยุโรป โดยเฉพาะรัสเซีย เพิ่มขึ้นจาก การเข้าสู่ช่วงปิดภาคเรียนของมาเลเซีย และการเข้าสู่ช่วง Winter Holiday ในช่วงสิ้นปีของภูมิภาคยุโรป

นอกจากนั้น นักท่องเที่ยวต่างชาติยังให้การตอบรับ การขยายเวลาปิดบริการของสถานบริการในพื้นที่ท่องเที่ยวนำร่องอย่างคึกคัก โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ และประเมินผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวอย่างใกล้ชิด สำหรับประเทศไทย ข้อมูล ณ วันที่ 18 ธ.ค. 66 พบว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติตลอดทั้งสัปดาห์ (11 ธ.ค. – 17 ธ.ค. 66) จำนวนทั้งสิ้น 676,505 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 20,852 คน คิดเป็นร้อยละ 3.18 คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 96,644 คน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา ทั้งสิ้น 26,455,680 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 1,129,080 ล้านบาท โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจากมาเลเซียเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยมากที่สุดจำนวน 104,838 คน รองลงมา ได้แก่ จีน (88,022 คน) รัสเซีย (43,738 คน) เกาหลีใต้ (42,948 คน) และอินเดีย (36,968 คน)