“กฤตัชญ์” วอนสังคมช่วยกระตุ้นรัฐบาลไทย-อเมริกา เร่งแก้ปัญหาขยายเวลาวีซ่านักเรียนไทย (F1) ชี้หากสำเร็จช่วยแก้ปัญหาหลายเรื่อง

วันที่ 25 ธ.ค.2566 นายกฤตัชญ์ กรรณิกา นักศึกษาชั้นปีที่สอง มหาวิทยาลัยจอร์ชวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา และเหรัญญิกของสมาคมนักศึกษาไทยในอเมริกา (ATSA) รวมถึงเป็นทายาทของ ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้ก่อตั้งซูเปอร์โพล และนักวิชาการด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม ได้เคยออกมาเปิดเผยถึงบทบาทสำคัญในสายสัมพันธ์ของนักเรียนไทยในสหรัฐอเมริกา ล่าสุดช่วงกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมาในโอกาสของการประชุม 190 ปีแห่งความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐอเมริกา นายกฤตัชญ์ ได้รับเชิญเข้าประชุมร่วมกับสมาชิกรัฐสภาของสหรัฐอเมริกา Judy Chu ผู้แทนสมาชิกสภาคองเกรส Eric Swalwell คุณ James Moylan ประธานสถาบัน U.S.-Asia Institute Glenn Lau-Kee นายธานี แสงรัตน์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา และบุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

โดยนายกฤตัชญ์ ในฐานะเหรัญญิกของสมาคมนักศึกษาไทยในอเมริกา (ATSA) กล่าวว่า การประชุมนี้เป็นการรวมตัวของผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการทำงานร่วมกัน และสนับสนุนร่วมกันระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐอเมริกาในมิติต่าง ๆ เช่น วัฒนธรรม การศึกษา สังคม การทำธุรกิจการค้า และอื่น ๆ แต่ในฐานะบทบาทของผู้แทนนักศึกษาไทย นักเรียนไทยในสหรัฐอเมริกาจึงได้หยิบยกประเด็นความเดือดร้อนของนักเรียนไทยเรื่องวีซ่านักเรียนไทยในสหรัฐอเมริกา (F1) ขึ้นมาเป็นกระบอกเสียงส่งไปยังฝ่ายนโยบายระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐอเมริกาให้รับทราบข้อเท็จจริงว่า นักเรียนไทยนักศึกษาไทยสามารถถือวีซ่านักเรียนระยะเวลาเพียง 12 เดือน ซึ่งสร้างความเดือดร้อนในภาระค่าใช้จ่ายของนักเรียน นักศึกษาไทยจำนวนมาก

นายกฤตัชญ์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนเน้นย้ำในที่ประชุมคือการขอให้ช่วยขยายเวลาที่นักเรียนไทยนักศึกษาไทยอยู่ในสหรัฐอเมริกาด้วยวีซ่านักเรียน (F1) นานขึ้น จาก 12 เดือนเป็น 24 เดือนหรือจนจบการศึกษาเหมือนอดีตสมัยคุณพ่อของตนที่เคยได้รับขณะศึกษาในสหรัฐอเมริกา แม้ส่วนตัวตนจะไม่มีปัญหาเรื่องวีซ่า F1 เพราะได้รับสิทธิพลเมืองสหรัฐอเมริกา แต่ตนได้เขียนรายงานเรื่องการขยายระยะเวลาวีซ่า F1 สำหรับนักศึกษาไทยเพื่อนักศึกษาไทยและเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีทางการศึกษาและการทูตไทย-สหรัฐอเมริกา 

โดยในรายงานนี้ ตนอธิบายถึงเหตุผลว่าทำไมนักศึกษาไทยควรได้รับการขยายระยะเวลาวีซ่าให้ยาวนานขึ้น เพราะวีซ่านักศึกษาไทยที่ต้องต่อทุกปีสร้างปัญหาเดือดร้อนให้นักเรียนนักศึกษาไทยในเรื่องค่าใช้จ่าย เวลา การเดินทาง และที่สำคัญคือการขาดตอนของการศึกษา และการใช้ชีวิตเรียนรู้วิถีชีวิต วัฒนธรรมที่หลากหลายในสหรัฐอเมริกาและอื่น ๆ 

“โดยสรุป การขยายระยะเวลาของวีซ่านักศึกษาไทยจาก 1 ปี เป็นอย่างน้อย 2 ปีจะช่วยให้นักศึกษาสามารถมีสมาธิเน้นที่การเรียน และการแสวงหาประสบการณ์ความหลากหลายทางวัฒนธรรมในสหรัฐอเมริกาได้ดียิ่งขึ้น ผมยังได้ยกตัวอย่างเปรียบเทียบข้อแนะนำนี้กับนักศึกษาญี่ปุ่นเพื่อความหนักแน่นของการอ้างอิงเหตุผลไปยังการสรุปว่า ควรขยายระยะเวลาวีซ่าให้นักเรียนไทยมากขึ้น เพราะ นักศึกษาญี่ปุ่นมีวีซ่านานถึง 60 เดือน ระยะเวลาที่นานเช่นนี้ช่วยให้พวกเขามีประสบการณ์ที่ดีขึ้นในสหรัฐอเมริกาทั้งในเรื่องวัฒนธรรม การศึกษา และด้านการเงินที่นักเรียนนักศึกษาไทยต้องใช้จ่าย หากนักเรียนนักศึกษาไทยของพวกเราอยู่ได้นานขึ้นเหมือนนักศึกษาญี่ปุ่นจะเป็นผลดีต่อทั้งประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา ส่วนผลกระทบในทางลบในเหตุผลทางความมั่นคงของประเทศทั้งสองน่าจะอยู่ในสภาวะที่ควบคุมได้ ไม่ได้อยู่ในขั้นวิกฤต เพราะนักเรียนนักศึกษาไทยไม่ได้เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักในปัญหาความมั่นคง ดังนั้น การขยายระยะเวลาวีซ่านักเรียนไทยให้ยาวนานขึ้นจึงน่าจะส่งผลดีมากกว่าในเชิงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และทัศนคติที่ดีของนักเรียนไทยต่อรัฐบาลทั้งสองประเทศที่ใส่ใจกับปัญหาของเด็ก และเยาวชนที่แสวงหาความรู้ในต่างแดนตามช่วงวัยที่เหมาะสมของพวกเรา” ผู้แทนสมาคมนักศึกษาไทยในสหรัฐอเมริกา กล่าว