ได้เวลาเดินทางกลับจากการท่องเที่ยวเทศกาลส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่กันแล้ว

สำหรับ ปี 2567 ที่เพิ่งย่างเข้ามานี้ โดยยังมีผู้เดินทางหลายราย เพิ่งเดินทางกลับ แบบขอลาพักงานเพื่อท่องเที่ยว หรือกลับบ้าน ลากยาวกันไปตลอดทั้งสัปดาห์นี้

โดยการเดินทางทั้งขาไปและขากลับของผู้คนในแต่ละปี ก็สร้างความเป็นห่วงกังวลในเรื่องความปลอดภัยด้านการขับขี่ยวดยานพาหนะ ทำให้มีคำเตือนให้ประชาชนระมัดระวังในการขับขี่ พร้อมมีมาตรการต่างๆ เพื่อให้การสัญจรปลอดภัยมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมาแล้วขับ และการง่วงนอนในขณะขับ จนอาจทำให้เกิดการหลับใน แล้วทำให้เกิดอันตรายบนท้องถนน ซึ่งมิใช่แต่เฉพาะยวดยานพาหนะของเรา แต่ยังอาจไปเฉี่ยวชนกับยานพาหนะของคนอื่นๆ ที่เป็นเพื่อนร่วมทาง หรือแม้กระทั่งคนเดินถนนริมฟุตปาธได้

มิใช่แต่ของไทยเราเท่านั้น แม้กระทั่งประเทศที่พัฒนาแล้วอย่าง “สหรัฐอเมริกา” ก็ประสบปัญหาเรื่องเมาแล้วขับและหลับใน ก่ออุบัติเหตุทางจราจรด้วยกับเขาเหมือนกัน ซึ่งแต่ละปีก็มีรายงานว่า ที่สหรัฐฯ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนท้องถนนมิใช่น้อย

โดย “องค์การบริหารความปลอดภัยบนท้องถนนของสหรัฐฯ” หรือ “เอ็นเอชทีเอสเอ” เปิดเผยว่า ตามสถิติที่ดำเนินการจัดทำในรอบ 10 ปี ตั้งแต่ปี 2010 – 2019 (พ.ศ. 2553 – 2562) พบว่า อัตราเฉลี่ยของผู้เสียชีวิตจากอุบัติทางจราจรเพราะการเมาแล้วขับอยู่ที่ 28 คนต่อวัน

เอาเฉพาะสถิติของเมื่อปี 2019 (พ.ศ. 2562) อันเป็นปีล่าสุดที่ “เอ็นเอชทีเอสเอ” จัดเก็บและเผยแพร่อย่างเป็นทางการ ก็ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เพราะเมาแล้วขับจำนวนมากถึง 10,142 คน

ทาง “เอ็นเอชทีเอสเอ” เผยว่า “เมาแล้วขับ” ถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางจราจร โดยคิดเป็น 1 ใน 3 ของการเกิดอุบัติเหตุทางจราจรในสหรัฐฯ ทั้งหมดเลยทีเดียว

เมื่อคิดเป็นตัวเงิน คือ ค่าเสียหายจากอุบัติเหตุทางจราจรที่เกิดจากการเมาแล้วขับนั้น ทาง “เอ็นเอชทีเอสเอ” ยังได้อ้างอิงถึงตัวเลขของ “ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อของสหรัฐฯ” หรือ “ซีดีซี” ว่า ในแต่ละปีก็มีจำนวนมากถึง 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (คิดเป็นเงินไทยก็ราวกว่า 1.51 ล้านล้านบาท) ซึ่งเงินจำนวนนี้สามารถใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ หรือหล่อเลี้ยงประชากรในบางประเทศแบบปีต่อปีได้เลยทีเดียว

ขณะที่ “การหลับในขณะขับขี่ยวดยานพาหนะ” ทาง “เอ็นเอชทีเอสเอ” ก็ระบุว่า ก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางจราจรบนท้องถนนได้อย่างสุดสะพรึงไม่แพ้กัน เพราะสร้างความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินในแต่ละปีที่สหรัฐฯ หาน้อยไม่

ตามการเปิดเผยของ “เอ็นเอชทีเอสเอ” ซึ่งได้อ้างอิงถึงข้อมูลของ “มูลนิธีการนอนแห่งชาติสหรัฐฯ” หรือ “เอ็นเอสเอฟ” ระบุว่า 6 ใน 4 ของกลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม ยอมรับว่า เคยง่วงนอนเป็นอย่างมากขณะขับขี่ แบบต้องใช้ความพยายามหนักเพื่อควบคุมรถให้วิ่งบนท้องถนนได้อย่างปลอดภัย

พร้อมกันนี้ ทาง “เอ็นเอชทีเอสเอ” ยังระบุโดยใช้ข้อมูลจาก “เอ็นเอสเอฟ” เกี่ยวกับความสูญเสียของผู้ใช้รถใช้ถนนจากอุบัติเหตุทางจราจรเพราะผู้ขับขี่หลับในว่า ในแต่ละปีที่สหรัฐฯ ก็จะมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรเพราะสาเหตุดังกล่าวถึงปีละ 6,400 คน

นอกจากนี้ ทั้งสองหน่วยงานของสหรัฐฯ ข้างต้น ยังแสดงความวิตกกังวลด้วยว่า ผู้ขับขี่ที่หลับใน มิใช่มีแต่เฉพาะผู้มีอายุมากๆ เท่านั้น แต่ปรากฏว่า จากการสำรวจพบว่า ผู้ขับขี่ที่ยังอยู่ในวัยทีน คือ ต่ำกว่า 20 ปี และวัยหนุ่มสาวที่อายุ 20 ปีต้นๆ ก็มีจำนวนไม่น้อยเหมือนกัน และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นด้วย ซึ่งมีอัตราตัวเลขตามหลังการเมาแล้วขับในหมู่วัยรุ่น วัยหนุ่มสาว แบบตามกันไปติดๆ

โดยผู้ขับขี่ที่มีอาการหลับในเหล่านี้ สร้างความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุทางจราจรบนท้องถนนเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ ทางหน่วยงานต่างๆ ของสหรัฐฯ ก็เตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงของอุบัติเหตุทางจราจรอันเกิดจากการหลับในขณะขับขี่ว่า ผู้ขับขี่ต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอในแต่ละวัน ก่อนที่จะเข้าไปอยู่หลังพวงมาลัยและสตาร์ทรถขับขี่ออกถนน ส่วนพวกเมาแล้วขับทางการก็มีคำเตือนออกมาอย่างเข้มงวด พร้อมกับกำชับให้เจ้าหน้าที่รัฐ เช่น ตำรวจจราจร เป็นต้น ดำเนินตรวจตราสกัดจับอย่างแข็งขัน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุมิให้บังเกิดขึ้น