วันที่ 1 ม.ค.2567  มีรายงานว่าเฟซบุ๊กแฟนเพจ "สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช" โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า... เนื่องในอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๗ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม ความว่า
        
  “บัดนี้ บรรลุอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๗ วาระเถลิงศกเช่นนี้ ช่วยเตือนใจให้เราทั้งหลาย ได้ทบทวนถึงอายุช่วงหนึ่งปีที่ล่วงไป ว่าได้คิด พูด และทำสิ่งใดไว้บ้าง ถ้าเป็นสิ่งดีงาม ก็จะได้เร่งเพิ่มพูนให้ทวียิ่ง ๆ ขึ้น และในขณะเดียวกัน ถ้ายังมีสิ่งใดบกพร่อง ก็จะได้ระมัดระวัง ตั้งตน และตั้งใจกันใหม่ ที่จะไม่ก่อโทษ กระทำผิด ให้ซ้ำรอยเดิมอีกในปีนี้
        
  ตลอดปีที่ผ่านมา สถานการณ์ของโลกผันผวนปรวนแปรไปมาก บังเกิดความยากลำบากกันทั่วหน้า เหตุการณ์ร้ายนานา ที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น ภัยสงคราม ทุพภิกขภัย โรคระบาด และภัยธรรมชาติต่าง ๆ กลับปรากฏขึ้นทั่วทุกหัวระแหง อันที่จริง มนุษย์ผู้ฉลาด ย่อมจักสามารถเข้าใจได้ ถึงธรรมดาของ “โลก” ซึ่งตามศัพท์แปลว่า สิ่งที่ชำรุดทรุดโทรม เพราะฉะนั้น สิ่งใดชำรุดทรุดโทรม สิ่งนั้นจึงเป็นสภาวะปรกติแห่งโลก เมื่อคิดได้เช่นนี้ ก็ย่อมเห็นกระจ่างถึงสัจธรรมว่า โลกกับความทุกข์ มีลักษณะเป็นอย่างเดียวกัน ถ้าเช่นนั้นแล้วเราจะทำอย่างไรดี ให้ยังสามารถดำรงตนอยู่อย่างมีความสุข บนโลกที่ชำรุดทรุดโทรมนี้ คำตอบก็คือ ทุกคนจำเป็นต้องฝึกฝนอบรมจิตใจ ให้มีสมาธิจดจ่อแน่วแน่ต่อคุณความดี อย่าปล่อยให้ลุกลี้ลุกลน เร่าร้อน วิ่งวนอยู่ในวงจรกิเลสตัณหา ขอให้ฝึกหัดใช้สมาธิภาวนานั้น เป็นอุปกรณ์เพิ่มพลังความสงบนิ่งในจิต ให้บังเกิดความร่มเย็นในชีวิตยิ่งขึ้นเป็นลำดับไป


ณ โอกาสเถลิงศกใหม่ จึงขอเชิญชวนทุกท่าน หันมาเอาใจใส่ในการเจริญจิตภาวนา ให้เป็นปรกติในชีวิตประจำวัน จงหมั่นฝึกใจให้เข้มแข็งด้วยคุณธรรมทั้งหลาย เช่น มีเมตตา กรุณา ขยัน อดทน สดชื่น เบิกบานผ่องใส เป็นต้น เพื่อให้ความฟุ้งซ่าน ซัดส่าย เร่าร้อนทุรนทุราย จะได้ค่อย ๆ สงบระงับลงบ้าง แม้ชั่วครู่ชั่วคราวก็ยังดี ครั้นเมื่อท่านได้ลิ้มรสความสบาย จากภาวะจิตใจที่สงบ ก็ย่อมจะมีแรงบันดาลใจ ในการฝึกฝนอบรมตน ให้อาจหาญด้วยคุณธรรมอันสูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป หากทำได้เช่นนี้ ท่านย่อมจะประสบความสุขอย่างแท้จริง สมด้วยพระพุทธภาษิต ที่ว่า “จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ” แปลความว่า “จิตที่ฝึกแล้ว นำความสุขมาให้” ทุกประการ

 ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และคุณความดีที่ทุกท่านร่วมกันบำเพ็ญ เป็นเครื่องจรรโลงสันติสุขสู่ประเทศชาติและประชาชน ดลความโสมนัสพระราชหฤทัย ให้บังเกิดในสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้าทั้งสองพระองค์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เพื่อจักได้ทรงเพียบเพ็ญด้วยพระบารมีธรรม และขอปวงประชาชาติไทย จงสำเร็จสมมโนรถในสรรพกิจ อันถึงพร้อมด้วยสุจริตธรรม นำความผาสุกเกษมศานต์มาสู่พี่น้องร่วมชาติ ตลอดพุทธศักราช ๒๕๖๗ นี้ โดยทั่วหน้ากัน เทอญ.”