ปากกาขนนก / สกุล บุณยทัต

 

“ผมถือว่า ..สิ่งที่สร้างค่าต่อความเป็นมนุษย์เรามากที่สุดย่อมคือ “ความรัก”..สิ่งสวยงามที่ก่อเกิดออกมาจากดวงใจอย่างอ่อนโยน และ ละเมียดละไม..เราต่างเชื่อว่า..สัมผัสและรสชาติของความรัก คือ จิตวิญญาณของการสะท้อนส่องความหมายอันสูงส่ง..ผ่านคำพูด..อันถือเป็น “ภาษารัก” ที่ยืนยันความรู้สึกรัก..ที่มีต่อกันและกันของมวลมนุษยชาติทั้งปวง”

นี่คือประเด็นแห่งนัยสำนึกที่งดงามของ “ภาษารัก” ที่เกี่ยวร้อยและปรากฏอยู่ในหนังสือแห่งความรู้สึกของ “การเป็นที่รัก”..

“ภาษารัก” (The 5 Love Languages)ผลงานเขียนของ “แกรี่ แชปแมน” (Gary Chapman)..ดร.ผู้เป็นทั้งนักเขียน พิธีกรรายการทอล์คโชว์ และ ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาด้านความรักซึ่งมีประสบการณ์อันยาวนาน...สามารถสร้างยอดขายได้อย่างมากมาย..

ว่ากันว่า..แต่ละคนนั้น..ย่อมมีวิธีการแสดงออกถึงความรักทีแตกต่างกันออกไป..ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดความไม่เข้าใจกัน..เพราะคิดว่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่รัก...  “แกรี่ แชปแมน” ได้กล่าวนัยสำคัญเกี่ยวกับการแสดงถึงความรักเอาไว้ว่า “คนเราจะแสดงความรักในหลายรูปแบบที่แตกต่างกัน สิ่งสำคัญคือ..คุณควรรู้และทำความเข้าใจได้ว่า..ภาษารักของคู่รักของคุณเป็นแบบใด”

5 ภาษารัก(The 5 love Languages)ประกอบด้วยอาการ.. บอกรักด้วยการแสดงความรัก"..โดยการแสดงความรู้สึก..ผ่านคำพูด คำชม และการสนับสนุน.. "บอกรักด้วยการมอบของขวัญ.."..ด้วยสำนึกที่ว่า..มันไม่สำคัญว่าของขวัญชิ้นนั้นจะเป็นอะไร..แต่มันขึ้นอยู่กับความเข้าใจ และการเอาใจใส่ ที่เคลือบอยู่เบื้องหลังของขวัญชิ้นนั้น..

"ต้องบอกรักด้วยการสัมผัส"..ให้ถือว่าการชิดใกล้และสัมผัสถูกเนื้อต้องตัว  หาใช่เจตนาของการที่จะต้องมีเพศสัมพันธุ์เสมอไป..หรือกระทั่งการปลอบประโลมขณะที่ตกอยู่ในอาการเศร้าเสียใจ..ก็ให้ถือว่ามันเป็นการแสดงออกถึงความชิดใกล้...กับคนรักเพียงนั้น

"การบอกรักด้วยการใส่ใจดูแล" หรือการช่วยเหลือและการทำอะไรบางอย่างให้..ให้ถือว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย..เป็นสิ่งที่คนรักของคุณสามารถทำเองได้..

และ.. "บอกรักด้วยการใช้เวลาร่วมกัน ." อันหมายถึง การที่คู่รักมีเวลาที่มีคุณภาพร่วมกัน..แม้จะเพียงเล็กน้อยไม่กี่นาทีแต่ก็ควรที่จะต้องใช้เวลาระหว่างกัน..ให้มีคุณค่ามากที่สุด.. 3 ข้อควรรู้เกี่ยวกับความรัก (3THING TO KNOW ABOUT LOVE) “รักหมายถึงความรับผิดชอบ”..ขออย่าเอาแต่มัวทะเลาะกัน..ให้ต่างฝ่ายต่างยอมที่จะเป็นฝ่ายขอโทษก่อน..จะนับเป็นสิ่งที่ดีที่สุด..  “รักคือคำกริยา”..นั่นคือหากเมื่อไหร่ก็ตาม ที่เราปรารถนาจะให้ความรักยั่งยืน .ก็ต้องอาศัย ความพยายามและความตั้งใจจริงในการสร้าง.. *รักคือความพึงใจ.." ..เราต้องให้ความสำคัญ และเติมเต็มปรารถนาของความรัก..ให้อยู่ในความปลอดภัย..

8 KEY INSIGHTS 5ภาษารัก(5 LOVE LANGUAGES) *ความรักไม่ใช่ทั้งหมดที่เราต้องการ..มันไม่ใช่ความต้องการเพียงอย่างเดียวของคนเรา..แท้จริงแล้วเรายังปรารถนาถึงความปลอดภัย การให้ความสำคัญและการเห็นถึงคุณค่าในตนเอง..ความรักนับเป็นสิ่งที่จะทำให้ความมุ่งหวังเหล่านี้..สามารถช่วยเติมเต็มชีวิตของเราให้มีความหมายได้..

*ค้นหาการแสดงความรักในแบบของคุณ...การแสดงความรักแบบไหนกับคู่ของคุณ ที่คุณตระหนักว่ามันขาดไม่ได้../และอะไร..ที่ทำให้คุณเชื่อว่า..คุณได้รับความหมายจากคู่รักของคุณมากที่สุด../ขณะเดียวกัน..ให้ลองสังเกตคู่รักที่เป็นเพื่อนๆของคุณด้วยว่า..พวกเขาคิดและรักกันอย่างไร..

*อาการคลั่งรัก..ถือเป็นความโรแมนติกในช่วงแรก..คุณจะรู้สึกมีชีวิตชีวาและประหม่าในบางครั้ง..จะมีความสุขเมื่อได้ใช้เวลาร่วมกัน..กระทั่ง อาจมองข้ามข้อบกพร่องในคู่ของคุณ  ซึ่งมันจะอยู่ในช่วงเวลา 6-24 เดือน..

*ผู้ชายมักเข้าใจผิดกับการแสดงความรัก..พวกเขามักเข้าใจผิดว่า..การใช้สัมผัสทางกายคือการแสดงออกทางความรัก..หรือหากเมื่อใดก็ตามที่การ “Nonsexual”  ไม่สอดคล้องหรือเป็นไปตามความต้องการของคุณ..ก็จะหมายถึงว่า..มันอาจจะไม่ใช่การแสดงทางความรักสำหรับคุณเช่นกัน..

*ยินดีต้อนรับสู่โลกของความเป็นจริง..กล่าวคือ .เมื่อเวลาแห่งการคลั่งรักหมดสิ้นลง..คู่รักก็จะเข้าสู่ความเป็นจริงของการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน..ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องใช้ความตั้งใจ..การกระทำจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับความรู้สึกอีกต่อไป..แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ..ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข..

*หากการแสดงความรักของคู่รัก..ไม่ใช่ธรรมชาติสำหรับคุณ..ให้คุณลองเรียนรู้และเริ่มทำความรู้จักความรักของคู่รักอย่างค่อยเป็นค่อยไป..ไม่นานนักคุณก็จะรู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

*คุณสามารถรักคู่สมรสที่เจาไม่ได้รักคุณได้หรือไม่.. มันอาจจะดูยาก .แต่ก็เป็นไปได้ โดยคุณจะต้องใช้ทั้งความพยายามและอดทน..ในการสร้างสัมพันธภาพที่แนบแน่น..แต่ก็มีในหลายกรณีที่ความรักสามารถเอาชนะใจอีกฝ่ายได้..

และ..

*เด็กๆ..ก็มีการแสดงความรักเช่นกัน..หากลองสังเกตลองสังเกตบรรดาลูกๆ..ต่อการตอบสนองถึงสถานการณ์ต่างๆ เราก็จะพบได้ว่า..ตัวของเราได้แสดงความรักต่อพวกเขาอย่างสอดคล้องสมควรหรือเปล่า..ยิ่งเมื่ออาการคลั่งรักของลูกๆสิ้นสุดลง..พวกเขาก็จะเข้าสู่ความเป็นจริงของการใช้ชีวิตร่วมกัน..ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ต้องใช้ความตั้งใจ..เนื่องเพราะ..นับแต่นี้..การกระทำใดๆจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับความรู้สึกอีกต่อไป..แต่มันจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ"ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข"

ว่ากันว่า .คนเรามักจะมีถังแห่งความรัก(Love Tank)อยู่ในหัวใจ..ซึ่งมันจะสามารถเติมเต็มได้..และจืดจางลงไปได้เช่นเดียวกัน..จริงๆแล้วคนเรามักจะโหยหาความรักจากคนอื่นเพื่อมาเติมเต็มถังนี้..เพราะฉะนั้น..เมื่อถังเต็ม..เราก็จะมีความสุข..เราก็จะประสบความสำเร็จในชีวิต..จนสามารถมอบความรักดีๆให้แก่คู่รักของเราและคนรอบข้าง..แต่หากว่าเราขาดความรัก..ชีวิตก็อาจจะตกต่ำแฉละ"อับปาง"ลงได้..

เมื่อมาถึงตรง...เราจึงอาจทบทวนตัวเรากับความรักของเราได้ว่า..ได้กำลังพูดภาษารักเดียวกันหรือเปล่า?..เพราะหลายๆครั้งที่เราแสดงความรักของเราต่อคู่รัก..มันกลับเป็นว่าเขาหรือเธอไม่ได้รับรู้ถึงความรักนั้นเลย

"สามีคุณอาจกำลังต้องการได้ยินคำพูดที่ให้กำลังใจจากคุณ..แต่คุณอาจรู้สึกอยากให้กำลังใจเขาด้วยการทำอาหารอร่อยๆให้เขาทาน..หรือ..  บางทีภรรยาของคุณอาจกำลังต้องการให้คุณใช้เวลากับเธอ..โดยที่ไม่มีลูกๆ หรือคอมพิวเตอร์มาแย่งความสนใจของคุณ แล้วคุณก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเธอจึงไม่รู้สึกตื่นเต้นกับดอกไม้ช่อใหญ่ ทีคุณอุตส่าห์ซื้อมาเซอร์ไพรส์เธอเลย"..

นี่จึงเป็นเหมือนที่มาที่ไปแห่งแรงบันดาลใจของหนังสือที่เป็นดั่งเคล็ดลับสู่ความรักที่ยืนยาว..ซึ่งกลั่นออกมาจากประสบการณ์ ของการให้คำปรึกษาแก่คู่สมรสมายาวนานมากกว่า30ปีของ"ดร.แกรี่ แชปแมน"

ซึ่งก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ต่อเนื่องมาร่วม 10 ครั้ง..จนเป็นหนังสือที่ส่งอิทธิพลถึงการได้มีส่วนช่วยเหลือ บรรดาคู่แต่งงานหลายร้านคู่..ได้มีโอกาสเรียนรู้ที่จะแสดงความรักต่อกันและกันด้วยวิธีการ..ที่อีกฝ่ายสามารถรับรู้ได้..รวมทั้งการรู้ถึงวิธีรักษาความรักในชีวิตคู่ให้อ่อนโยนและหอมหวานยืนยาวตลอดไป..

หนังสือเล่มนี้จะทำให้เรากวนไปนึกถึงกระบวนความคิดดีๆเกี่ยวกับความรัก ..อันยากจะลืมเลือนในชีวิต  มันคือความทรงจำที่เป็นทั้งความสุขและความทุกข์เศร้าของเราที่ติดตรึง..การมีสำนึกคิดเกี่ยวกับความรักคือแสงฉายแห่งจิตปัญญาที่งดงามและ..โอบกอดดวงใจเราอยู่เสมอ..

"การถูกรักเป็นเรื่องของอะไรบางอย่าง..ส่วนการได้รักเป็นทุกๆอย่าง/มิตรภาพคือความรักลบด้วยเซ็กซ์ และบวกเอาเหตุผลเพิ่มเข้าไป..ส่วนความรัก คือมิตรภาพบวกด้วยเซ็กซ์ และลบเอาเหตุผลออกไป/..ผู้ชายมักจะตกหลุมรักคนที่เขา..หลงเสน่ห์ และ ผู้หญิงจะหลงเสน่ห์คนที่เธอตกหลุมรัก/ความรักนั้นเห็นได้ด้วยตา  แต่สัมผัสได้ด้วยใจ/คุณจะรู้ว่ารักเขา..ก็ต่อเมื่อคุณต้องการให้เขามีความสุข..แม้ว่าความสุขนั้นจะหมายถึง..การที่คุณไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมัน/..ถ้าคุณรักใครสักคน..ให้บอกต่อเขาเสีย .อย่ารีรอเลย..ไม่เช่นนั้นคุณจะเสียโอกาส/..จงอย่าแต่งงานกับคนที่คุณอยู่ด้วยได้..แต่จงแต่งงานกับคนที่คุณขาดไม่ได้../..ความรักก็เหมือนปูนเปียกๆ ยิ่งอยู่นานเท่าไหร่ก็ยิ่งติดแน่น..ไม่อาจจากไปไหนได้ .โดยไม่ทิ้งรอยเท้าไว้ข้างหลัง../ผู้ชายตกหลุมรักทางตา..แต่ผู้หญิงตกหลุมรักทางหู/..ความเศร้าที่สำคัญคือการใช้ชีวิตโดยปราศจากความรัก..แต่มันคงจะเศร้าพอๆกันที่จะจากโลกนี้ไป..โดยที่ไม่ได้บอกคนที่คุณรักว่า"ฉันรักเธอ"/..ใช้เวลาเพียงแค่ชั่ววินาทีในการบอกว่า"ฉันรักเธอ"..แต่ต้องใช้เวลาตลอดชีวิตในการแสดงให้เห็นว่า"รักมากเพียงใด"/เวลารักใคร..อย่าเสียใจในสิ่งที่คุณได้กระทำ..แต่จงเสียใจในสิ่งที่คุณไม่ได้กระทำ../และ..สุดท้าย..การที่ได้รักนั้นคือการเสี่ยงว่า..จะไม่ได้รับความรักเป็นการตอบแทน..การตั้งความหวังคือภาวะที่เสี่งกับความเจ็บปวด..การพยายามคือการเสี่ยงกับความล้มเหลว แต่ยังไงก็ต้องเสี่ยง..เพราะสิ่งที่อันตรายที่สุดในชีวิตก็คือ"การที่ชีวิตไม่ยอมเสี่ยงอะไรเลย"..

มโนทัศน์ที่ได้ยกมากล่าวถึงทั้งหมดนี้..คือสาระเปรียบเทียบที่สะท้อนแรงบันดาลใจมาจากต้นแบบของหนังสือแห่งความรักอันมีค่าของ “แกรี่ แชปแมน” .. “ภาษารัก” (The 5 Love Languages)..หนังสือที่จะอ่านเมือใดก็ให้พลังความรักก่อเกิดขึ้นในหัวใจเสมอ..มันคือความอันจริงแท้ที่โลกแห่งความหมายได้สร้างขึ้นบนรากฐานของความจริงที่เปี่ยมล้นไปด้วยจินตนาการอันงดงาม ลึกซึ้ง และ มีค่า

 มันคือหนังสือ..แห่งสรรพความคิดอันเนื่องมาแต่ความรักที่บริสุทธิ์และเป็นสัจจะ  "กนกบรรณสาร"แปลหนังสือเล่มนี้ออกมาอย่างมีจุดหมาย..และเปี่ยมพลังที่สามารถก่อผัสสะให้เกิดความรักต่อความรักได้อย่างลึกซึ้ง..ยิ่ง..

“เราทุกคนล้วนมีเมล็ดพันธุ์ของความรักอยู่ในตัวเองเสมอ..การเข้าใจและเห็นความรักในรูปแบบต่างๆ..จะช่วยปิดช่องว่างของความไม่เข้าใจและสามารถได้เห็น “ภาษารัก” ...”