พอเราเริ่มอายุขึ้นเลขสามกลาง ๆ  แพทย์จะมักจะพูดกับเราเสมอในการตรวจสุขภาพประจำปีทุกครั้งว่าควรตรวจภายในร่วมด้วยทุกปี ด้วยความที่เรากลัวและก็อายเลยหลีกเลี่ยงการตรวจภายในมาโดยตลอด แต่หลัง ๆ มานี้ เริ่มพบว่ามีอาการตกขาวมากขึ้นกว่าปกติ แม้จะไม่ได้อยู่ในช่วงใกล้เป็นประจำก็พบตกขาวเยอะเช่นกัน ประกอบกับเริ่มมีกลิ่น และมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ ด้วยความกังวลใจ กลัวว่าปัญหาสุขภาพนี้จะลุกลามเป็นโรคร้ายอย่างมะเร็งปากมดลูกในอนาคต เลยจำเป็นที่จะต้องพบหมอแล้วล่ะ

รีวิวคลินิกตรวจภายในผู้หญิง ที่ happybirth clinic

ก่อนที่เราจะเลือกคลินิกตรวจภายในผู้หญิง ยอมรับเลยว่าใช้เวลาตัดสินใจนานมาก เพราะเป็นการตรวจภายในครั้งแรกรวมไปถึงเราเป็นคนที่ขี้อายมาก เขินแพทย์ กลัวเจ็บสารพัด พอหาข้อมูลมาเจอคลินิกนี้ ก็รู้สึกวางใจด้วยความที่โทรไปแล้วทางคลินิกเขาให้ข้อมูลชัดเจนดี และเอาใจใส่ทุกรายละเอียดในอาการของเรามาก ๆ ก็เลยตัดสินใจรับการตรวจภายในกับทางคลินิกตรวจภายในผู้หญิง happybirth clinic

หลังจากที่เราตกลงนัดแพทย์แล้ว ด้วยความที่เราไม่เคยมีประสบการณ์ตรวจภายในมาก่อน ทำให้ไม่มีความรู้ในการเตรียมตัวเลย แต่ทางคลินิกก็ส่งวิธีการเตรียมความพร้อมตัวเองมาให้ ซึ่งจะมี ขั้นตอนการเตรียมตัวไม่ยากเลย ดังนี้

1.   ไม่ให้สวนล้างช่องคลอดหรือว่าใช้ยาเหน็บต่าง ๆ ภายในช่องคลอด ก่อนเข้ารับการตรวจภายในอย่างน้อย 3 วัน

2.   งดมีเพศสัมพันธ์ก่อนเข้ารับการตรวจภายในอย่างน้อย 3 วัน 

3.   ถ้ามีตกขาว ไม่ว่าจะปริมาณมากหรือว่ามีกลิ่น ไม่ต้องล้างทำความสะอาด เข้าตรวจได้เลย เพราะแพทย์จะใช้ตกขาวตรวจหาเชื้อโรคต่าง ๆ ที่ทำให้ภายในผิดปกติด้วย

4.   ใส่ชุดที่ถอดเปลี่ยนง่าย ๆ เพราะไปถึงเราจะต้องเปลี่ยนเป็นชุดของทางคลิกก่อนที่เข้าห้องตรวจ

5.   ไม่ต้องงดอาหารและเครื่องดื่ม 

6.   เข้าห้องน้ำปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อนเข้ารับการตรวจ จะได้ไม่ปวดปัสสาวะขณะตรวจ

ขั้นตอนของการตรวจภายใน

เราก็ได้ทำตามคำแนะนำในการเตรียมตัวเข้ารับการตรวจภายในของแพทย์ทุกข้อ เมื่อเราเดินทางไปถึงสถานพยาบาลแล้ว ใจเต้นแรงเล็กน้อย เพราะตื่นเต้นผสมความกังวล แต่พยาบาลคลินิกตรวจภายในผู้หญิงที่นี่ต้อนรับดูแลดีมาก บริการด้วยความสุภาพพร้อมให้กำลังใจเราด้วย ทำให้เราคลายความกังวลได้เยอะเลย จากนั้นก็จะเริ่มเข้าสู่ ขั้นตอนของการตรวจภายในซึ่งจะมี ดังนี้

1.   เจ้าหน้าที่จะเรียกเราไปซักประวัติก่อน ตรงนี้ขอแนะนำเลยว่าให้ตอบถามความจริง เพื่อประโยชน์ของตัวเราเอง

2.   พอซักประวัติแล้ว ก็จะเป็นการเข้าห้องตรวจ และต้องขึ้นเตียงขาหยั่ง จากนั้นแพทย์จะเริ่มตรวจจากการคลำและมองด้วยตาเปล่าก่อน เพื่อดูว่ามีความผิดปกติ เช่น ผื่นแดง บวมแดง ฯลฯ หรือไม่ ลืมบอกไปว่าที่นี่เป็นสูตินรีแพทย์ผู้หญิงทุกคน สบายใจได้เลย

3.   เมื่อตรวจขั้นแรกแล้ว ต่อไปแพทย์จะใช้เครื่องมือเพื่อตรวจดูความผิดปกติอวัยวะภายในอุ้งเชิงกราน ดูความสมบูรณ์ของมดลูก ปากมดลูก และรังไข่ ซึ่งขั้นตอนนี้ไม่ได้เจ็บอย่างที่กังวลใจเลย และใช้เวลาไม่นานมากด้วย 

4.   ทำการตรวจมะเร็งปากมดลูกต่อเลย ถึงเวลาของ Speculum หรือที่เราคุ้นในชื่อ “ปากเป็ด” เปิดปากช่องคลอดแล้ว แพทย์จะใช้ปากเป็ด และสอดที่เก็บตัวอย่างเชื้อบริเวณปากมดลูกมาตรวจสอบเชื้อ ที่นี่ดีตรงมีบริการหลากหลาย เราสามารถเลือกตรวจได้ ว่าจะตรวจเป็น HPV DNA Test, Liquid based หรือ Co-testing ขึ้นกับว่าเราต้องการความแม่นยำในการตรวจวิเคราะห์มากแค่ไหนเลย หลายคนอาจกลัวเจ็บในขั้นตอนนี้ แต่ขอบอกเลยว่าไม่เจ็บอย่างที่คิด และที่สำคัญทุกอย่างจะผ่านไปอย่างไวมาก ๆ

5.   เมื่อเราตรวจหามะเร็งปากมดลูกครบแล้ว แต่ในบางรายแพทย์อาจแนะนำให้ตรวจอัลตราซาวด์มดลูกและรังไข่ต่อ ซึ่งอันนี้อยู่ในดุลพินิจของแพทย์ที่จะให้ตรวจเพิ่มหรือไม่ ซึ่งเราแพทย์ให้ตรวจ ก็เลยตรวจให้ครบทุกขั้นตอนเพื่อความสบายใจของตัวเราเอง

หลังตรวจเสร็จก็กลับบ้านได้เลย ไม่ได้เจ็บอย่างที่คิด เพียงแค่เรากลัวไปเองเท่านั้น จากนั้นรอฟังผลตรวจมะเร็งปากมดลูกประมาณ 1 สัปดาห์ซึ่งทางคลินิกจะโทรแจ้งผลให้เราทราบ และหากเราอยากได้เอกสารก็สามารถขอใบรับรองผลการตรวจได้

ถ้าพบอาการผิดปกติ ต้องทำยังไง

สำหรับใครที่ตรวจแล้วพบอาการผิดปกติ ก็ไม่ต้องกังวลไป สามารถเริ่มกระบวนการรักษาเลย หากมีอาการผิดไม่หนักมาก แพทย์ก็จะจ่ายยาให้กลับมารักษาตัวที่บ้าน และพร้อมดูแลอย่างดี นัดติดตามอาการรักษาจนกว่าจะหายกลับสู่เป็นปกติเลย

สำหรับอาการผิดปกติของเราไม่ได้รุนแรงมาก แพทย์ทำการจ่ายยาและให้กลับมารักษาตัวที่บ้านเท่านั้น เราทานยาและใช้ยาสอดประมาณ 7 วัน อาการก็ค่อย ๆ ทุเลาลง และทำตามคำแนะนำในการปฏิบัติตัวที่ได้ฟังมา ตอนนี้อาการตกขาวและมีเลือดออกที่ช่องคลอดก็ปกติแล้ว  ใครที่มีปัญหาเหล่านี้ ไม่ต้องกังวลใจเลย ถือสัญญาณที่ดี ที่ทำให้เรารู้ตัวและเริ่มรักษาได้อย่างทันท่วงทีนั่นเอง