"เศรษฐา" โต้ "พิธา-ศิริกัญญา" ยันรัฐบาลมีแผนรองรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ได้เอาไข่ใส่ตระกร้าใบเดียว  แย้ม 15 ก.พ. นัดถก"บอร์ดดิจิทัลวอลเล็ต" เคลียร์ทุกปัญหา ด้าน "สว.วันชัย" ชี้จับตาการเมืองในสภาฯ เดือนมี.ค. ขัดแย้งรุนแรง ปมรื้อคดีเก่าส่อลาม"ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ" ที่ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์

เมื่อวันที่ 12 ก.พ.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล และน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.พรรคก้าวไกล ระบุโครงการแจกเงิน 10,000 บาท ผ่านระบบดิจิทัลวอลเล็ต รัฐบาลไม่มีแผนสอง เปรียบเสมือนเอาไข่ไปรวมในตะกร้าเดียวกัน ว่า เชื่อว่าเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วประเทศเรามีนโยบายหลายอย่าง รัฐบาลแถลงนโยบายไปหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกระตุ้นการท่องเที่ยว การเซ็นสัญญาเขตการค้าเสรี (FTA) ที่จะเพิ่มมากขึ้น การลงทุนข้ามชาติ นโยบายการเกษตร  “ยืนยันว่าไม่ได้ใส่ตะกร้า แต่ถ้าเกิด ส.ส.ของพรรคฝ่ายค้านมีความคลางแคลงใจก็จะมีการแถลงข่าวให้ทราบไปเรื่อยๆ เพื่อพูดคุยและชี้แจงให้กระจ่าง ก็อาจจะเป็นความบกพร่องของรัฐบาลที่ไม่แถลง วันที่ 13 ก.พ. จะมีการพูดคุยกันต่อไป ถือเป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านที่จะเสนอแนะมา หน้าที่ของรัฐบาลก็รับฟัง และไปพูดคุยกัน ไม่ได้มีอะไรเพราะเรารู้อยู่แล้วว่าเราทำอะไรอยู่ อาจจะยังพูดไม่เยอะพอ” นายเศรษฐา กล่าว ผู้สื่อข่าวถามว่า นายพิธามองว่ารัฐบาลไม่มีแผนสำรอง นายกฯ กล่าวว่า มันไม่ใช่ ก็เหมือนคำพูดที่ตนพูดไปแล้ว ตนเชื่อว่าเราต้องมีแผนงาน เพียงแต่อาจจะยังพูดไม่พอ ขอบคุณสำหรับคำเตือนและคำแนะนำ เดี๋ยวเราจะไปพูดคุยให้เยอะขึ้น เมื่อถามย้ำว่า ให้ความมั่นใจประชาชนใช่หรือไม่ว่าจะเดินหน้าโครงการ นายกฯ กล่าวว่า เราให้ความมั่นใจประชาชนอยู่แล้ว เมื่อถามว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตวันที่ 15 ก.พ.นี้ จะมีความคืบหน้าเลยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็เดี๋ยวมีประชุม ยืนยันอยากให้ทุกฝ่ายพูดมาให้หมด

เมื่อถามย้ำว่า นายกฯ ต้องการย้ำกับประชาชนหรือไม่ว่าเหตุที่โครงการล่าช้าเพราะต้องทำให้เกิดความรอบคอบ นายกฯ กล่าวว่า ตนว่าทุกคนทราบอยู่แล้วตั้งแต่ตอนต้น บอกว่าเราไม่ฟังความคิดเห็น แต่การฟังความคิดเห็นต้องใช้เวลาเพราะอยู่ในสังคมที่มีความเห็นต่าง เราเองก็ต้องทำให้ทุกฝ่ายสบายใจมากที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ เราพยายามรับฟังแล้ว และก็พยายามแก้ปัญหาและอธิบายแล้ว

นายวันชัย สอนศิริ สว. เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปลายเดือนก.พ.และเดือนมี.ค.เป็นต้นไป จะมีการพิจารณาแก้ไขร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คงจะมีการถกแถลงฟัดกันน่าดู พอสมควร มีทั้งคนเห็นด้วย โดยเฉพาะวุฒิสภาไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะเพราะกฎหมายฉบับนี้จะก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคม และไม่สมัครสมานสามัคคี จะเป็นการรื้อร้องฟ้องคดี ที่ป.ป.ช.ยุติไปแล้ว

“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน รีบนำมาพิจารณา รังแต่จะก่อให้เกิดความขัดแย้ง ทำให้คดีที่ยุติไปแล้วหากมาพิจารณา อาจจะทำให้เกิดการรื้อฟื้นคดีเก่า ลามไปถึงสมัยรัฐบาลของ นายทักษิณ ชินวัตร รัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาฟ้องร้องกันต่อไป ทำไปหาสวรรค์วิมานอะไร บ้านเมืองน่าจะทำเรื่องปรองดอง กลับทำเรื่องที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง แปลกมาก รัฐบาลนี้คิดเรื่องอย่างนี้ได้ยังไง เรื่องที่ควรทำกลับไม่ทำ เรื่องไม่ควรทำกลับมาทำ แปลกมาก”

นายวันชัย กล่าวต่อว่า พอเดือนมี.ค.ก็จะมีการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพื่อให้มีส.ส.ร. แก้พ.ร.บ.ประชามติ กฎหมายงบประมาณ 3-4 เรื่องเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ รวมทั้งการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติของวุฒิสภาในวันที่ 25 มี.ค.ด้วย เพราะฉะนั้นจะเป็นเดือนที่มีสถานการณ์ทางการเมืองในสภาฯ ร้อนแรงพอสมควร จะเห็นการปะทะกันทางความคิด รวมทั้งอาจจะเห็นการต่อสู้กันทางการเมืองในสภาฯ ร้อนแรงจริงๆ จะสู้กันพอสมควร เป็นการต่อสู้กัน 2 สภา อยากให้สื่อคอยติดตามว่าอะไรจะเกิดขึ้น และเริ่มระอุตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป  อาจจะต้องมีเหตุการณ์ทางการเมืองต่างๆ ที่คิดว่าไม่น่าจะเกิดก็อาจจะเกิด จะเป็นอุบัติเหตุหรือสถานการณ์ร้อนแรงทางการเมืองแน่นอน