เวลานี้ประเทศไทยกำลังเร่งยกระดับคลื่นความถี่และเทคโนโลยี รองรับทิศทางการใช้เทคโนโลยีใหม่ในระบบนิเวศโลกเสมือนจริง (Metaverse) ที่ได้รับความนิยมพุ่งสูงขึ้น โดยนำร่องด้านการศึกษา และการแพทย์ ลดความแออัดพื้นที่ปริมาณใช้สูง และส่งเสริมการลงทุนพลิกโฉมประเทศไทยไปสู่อนาคต

ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี  ได้มีการศึกษาแนวทาง “การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ในระบบนิเวศโลกเสมือนจริง (Metaverse Ecosystem)” สะท้อนทิศทาง นโยบาย และวิสัยทัศน์ในการส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม รองรับการพัฒนาระบบนิเวศโลกเสมือนจริงของประเทศไทยที่จะนำ Metaverse มาใช้ประโยชน์สาธารณะต่างๆ มากขึ้น อาทิ ด้านเศรษฐกิจ การศึกษา และสาธารณสุข ฯลฯ

ทั้งนี้ “ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์” ประธานกสทช. กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมทั่วโลกได้พัฒนาเทคโนโลยี Metaverse รุดหน้าอย่างต่อเนื่อง หากประเทศไทยขับเคลื่อนเรื่องนี้ล่าช้าอาจเสียโอกาสและความสามารถพัฒนาด้านต่างๆ กสทช.จึงศึกษาแนวทางและเตรียมพร้อมโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและการจัดสรรคลื่นความถี่ที่เหมาะสมรองรับเทคโนโลยีแห่งอนาคต

สำนักงาน กสทช. มีการตั้ง “คณะทำงานจัดทำข้อเสนอแนะการส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ในระบบนิเวศโลกเสมือนจริง” ภายใต้ความร่วมมือกับ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เดินหน้านำร่อง 2 โครงการในปี 2566 ได้แก่ การเรียนการสอนด้านกายวิภาคศาสตร์ (Metaverse in Clinical Anatomy)  ร่วมกับสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ พัฒนาระบบ XR for Clinical Anatomy สร้างแพลทฟอร์มห้องเรียนเสมือนจริงที่นักศึกษาใช้ประโยชน์และทดลองโดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ทางกายภาพ เวลา และอุปกรณ์ (Anywhere Anytime Any device) นำเทคโนโลยี XR Rending with 5G and Cloud มาใช้ ช่วยปรับปรุงเนื้อหาและภาพแบบ 3 มิติได้อย่างรวดเร็ว

โครงการที่สอง คือ การดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง (Virtual Reality for Palliative Care) ร่วมกับศูนย์ความเป็นเลิศด้านการดูแลแบบประคับประคอง นำเทคโนโลยี VR มาดูแลและเยียวยาด้านจิตใจ (Spiritual Care) ทดลองใช้ VR Headset ให้กับผู้ป่วยเด็กระยะสุดท้ายที่ต้องการดูภาพสถานที่ท่องเที่ยวหรือสถานที่ที่ต้องการไป กสทช.ได้ร่วมกับ หอจดหมายเหตุพุทธทาส สร้างสรรค์สื่อธรรมะ VR 360  นำมาใช้เพื่อช่วยให้คนไข้ ใจสงบ มีสมาธิ ลดความเจ็บปวด วิตกกังวลและความเครียด โดยเฉพาะคลื่นสมอง (Brain Wave) ในช่วงอัลฟา (Alpha Wave) ที่สร้างความสุขบรรเทาความวุ่นวายในสมอง

ในภาพรวมแล้วผลการศึกษาของคณะทำงานฯ พบว่า ปริมาณคลื่นความถี่ปัจจุบันรองรับ Metaverse ได้ แต่ถ้าเกิดกรณีปริมาณผู้ใช้หนาแน่นอยู่ในบริเวณเดียวกัน รวมถึงแนวโน้มเทคโนโลยี Metaverse มีปริมาณรับส่งข้อมูลเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปริมาณคลื่นความถี่ที่มีในปัจจุบันยังไม่สามารถรองรับได้เพียงพอ จึงต้องส่งเสริมนโยบายให้สามารถใช้คลื่นความถี่สำหรับบรอดแบนด์เพิ่มมากขึ้น เช่น การเพิ่มคลื่นความถี่ใหม่สำหรับ Wi-Fi6E/Wi-Fi7 หรือ 5G/6G และสนับสนุนอุปกรณ์ที่เข้าถึง Metaverse ที่ทันสมัยใช้กับคลื่นความถี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้  กสทช. ได้เตรียมความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านการจัดสรรทรัพยากรคลื่นความถี่ เช่น ได้กำหนดให้คลื่นความถี่ 5.925-6.425 GHz หรือย่าน Lower 6 GHz ที่อนุญาตให้มีการใช้งานเป็นการทั่วไป หรือการใช้งานแบบ unlicensed เพิ่มเติมคลื่นความถี่ย่าน 2.4 GHz และ 5GHz ซึ่งจะช่วยลดความแออัดของการใช้งานในปัจจุบัน อาทิ Wi-Fi และอุปกรณ์สื่อสารระยะสั้นต่างๆ และยังสามารถรองรับการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ในอนาคต เช่น Wi-Fi7 เป็นต้น สนับสนุนการสร้างนวัตกรรม และการเตรียมความพร้อมสำหรับเปิดประมูลคลื่นความถี่สำหรับเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่ (IMT) ในอนาคต รวมถึง user case ใหม่ๆที่สำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล รวมถึงการใช้งานอุปกรณ์ VR AR และ XR เพิ่มโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจ ควรส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศในธุรกิจที่เกี่ยวข้องเทคโนโลยีทั้งระบบ จะพลิกโฉมหน้าประเทศไทยได้ในอนาคต

ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ กล่าวเพิ่มเติมจากผลกระทบของอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่มิจฉาชีพใช้วิธีการต่าง ๆ ในการหลอกลวงประชาชน ทั้งการใช้โทรศัพท์หลอกให้โอนเงิน หรือการส่ง sms แนบลิงก์ เพื่อดูดข้อมูลส่วนบุคคล ว่า กสทช. ได้ออกประกาศ กสทช. เรื่อง การยืนยันตัวตนและข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการของผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ กำหนดให้ผู้ถือครองซิมการ์ดตั้งแต่ 6 เบอร์ขึ้นไป ต้องยืนยันตัวตนกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ เป็นวันสุดท้ายของการยืนยันตัวตนของผู้ที่ถือครองซิมการ์ดตั้งแต่ 101 เลขหมายขึ้นไป  และหากไม่ยืนยันตัวตนภายในวันที่กำหนด หมายเลขจะถูกระงับบริการ และสำหรับผู้ที่ถือครองซิมการ์ด ตั้งแต่ 6-100 เลขหมาย ยังสามารถยืนยันตัวตนได้ถึงวันที่ 13 กรกฎาคม 2567

“สำนักงาน กสทช. ตระหนักดีว่า มาตรการดังกล่าวเป็นการเพิ่มขั้นตอนแก่ผู้ใช้บริการทั่วไปที่ใช้งานปกติ แต่เพื่อเป็นขั้นตอนในการตรวจสอบ และลดโอกาสของมิจฉาชีพในการนำซิมการ์ดไปใช้ในการกระทำผิดหรือผูกขอกับบัญชีม้า ซึ่งเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะทำให้จำนวนหมายเลขที่ไม่ได้ถูกใช้งานจริงลดลง และเมื่อมีคดีเกิดขึ้นเจ้าหน้าที่สามารถขยายผลจากหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ลงทะเบียน รวมถึงหมายเลขโทรศัพท์ที่ผูกกับบัญชีม้า เพื่อสืบไปถึงมิจฉาชีพได้ต่อไป ขอฝากให้ผู้ที่ถือครองซิมการ์ดที่ยังไม่ได้ยืนยันตัวตน ไปยืนยันตัวตนตามมาตรการดังกล่าวกับผู้ใช้บริการโทรศัพท์ตามช่องทางต่าง ๆ ภายในเวลาที่กำหนดด้วย เพื่อป้องกัน และจัดการปัญหามิจฉาชีพ”

สำหรับรายละเอียดการยืนยันตัวตน ณ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2567 ไม่รวมกลุ่มทรู และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด(มหาชน) หรือ NT มีผู้ถือครองตั้งแต่ 6-100 เลขหมาย ยืนยันแล้ว 317,786 เลขหมาย จากเข้าข่าย 3,848,378 เลขหมาย และมีผู้ถือครองตั้งแต่ 101 เลขหมายขึ้นไป ยืนยันแล้ว 1,662,441 เลขหมาย จากเข้าข่าย 7,110,513 เลขหมาย

เป็นการยกระดับการให้บริการด้านโทรคมนาคม และแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในเวลาเดียวกัน