ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบหนุ่มแว้นหลอนยา บิดรถซิ่งหลบหนี ก่อนโยนยาทิ้ง สุดท้ายถูกรวบคาบ้าน นั่งยิ้มหัวเราะระรื่น พ่อหวั่นสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน​
 
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.คงกฤช  เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม, พ.ต.อ.ชาคริต มงคลศรี รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น       รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล.,พ.ต.ท.นโรตม์ ยุวบูรณ์, พ.ต.ท.กฤตย์ ธีรเวศย์สุวรรณ  รอง ผกก.2 บก.ทล.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.กล้า สมบัติพิบูลย์ สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล., ร.ต.อ.ณัฐพล เทียนแก้ว, ร.ต.อ.สุขุม นาคบำรุง, ร.ต.ต.ภานุพงษ์ ทองนพ, ร.ต.ต.ฉลาด ใจแก้ว รอง สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล., ด.ต.จักรพงศ์ พุฒตาล, ด.ต.จิรันธนิน พิชิตไชยปรีชา, จ.ส.ต.เฉลิมเกียรติ์ อินทร์ปัญญา, จ.ส.ต.ฐณรัช นาคนาโส, ส.ต.ท.นันทวัฒน์ สมบูรณ์บดีบุตร ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวน สภ.บางหลวง ภ.จว.นครปฐม

ร่วมกันจับกุม นายสุทธิพงษ์ฯ อายุ 31 ปี ในข้อหา “ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) โดยไม่ได้รับอนุญาต,ขับรถในขณะมีสารเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) อยู่ในร่างกายโดยผิดกฎหมาย และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย”

พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้าเม็ดสีส้มประทับตรา WY จำนวน 10 เม็ด และยาบ้าเม็ดสีเขียว จำนวน 1 เม็ด บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสะพายที่ผู้ต้องหาโยนทิ้งขณะหลบหนี

พฤติการณ์ เมื่อวันที่ 22 ก.พ.67 ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง (นครปฐม) กำลังออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ ได้พบผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันหนึ่งกำลังขับขี่อยู่ด้านหน้ารถวิทยุสายตรวจ เมื่อเจ้าหน้าที่ขับตามไปประมาณ 500 เมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงเริ่มสังเกตเห็นอาการพิรุธของผู้ขับขี่ จึงได้เปิดสัญญานไฟและเรียกให้ผู้ขับขี่จอดรถข้างทางเพื่อขอทำการตรวจสอบ แต่ปรากฏว่าผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวกลับเร่งเครื่องหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงจึงไล่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด โดยระหว่างการติดตามเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง สังเกตเห็นอาการของผู้ขับขี่คล้ายกับบุคคลที่เพิ่งเสพยาเสพติด ขับขี่รถด้วยความเร็วสูงโดยไม่ได้สวมหมวกกันน็อค ซึ่งเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ใช้เครื่องขยายเสียงเตือนให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ชะลอความเร็ว       แต่ผู้ขับขี่กลับโยนกระเป๋าสะพายทิ้ง และเร่งความเร็วขับรถหลบหนีไป

 
​เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงจึงหยุดรถและลงไปตรวจสอบกระเป๋าสะพายดังกล่าว พบว่าภายในกระเป๋าสะพายที่ถูกโยนทิ้งไว้ มียาบ้า จำนวน 11 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายใน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจยึดยาบ้าดังกล่าวไว้ และได้ทำการสืบสวนหาตัวผู้ขับขี่ที่เป็นเจ้าของยาบ้าดังกล่าว จนต่อมาพบว่าผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ คือ  นายสุทธิพงษ์ฯ อายุ 31 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.บางเลน จ.นครปฐม เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงจึงได้ร่วมกับ  เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.บางหลวง นำกำลังเข้าตรวจสอบบ้านพักของนายสุทธิพงษ์ฯ โดยเมื่อเดินทางไปถึงได้พบ นายสุทธิพงษ์ฯ นั่งอยู่บริเวณหน้าบ้านพัก มีอาการหลอนยาบ้า เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าแสดงตัวและควบคุมตัว โดยนายสุทธิพงษ์ฯ พูดจาวกไปวนมา ยิ้มและหัวเราะสลับไปมา ก่อนจะยอมรับว่าตนเองเพิ่งเสพยาบ้ามาจริง โดยหลังจากเสพยาแล้วจึงได้ออกมาขับขี่รถจักรยานยนต์เล่นตามท้องถนน จนกระทั่งมาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง


​เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงจึงได้นำตัว นายสุทธิพงษ์ฯ ไปทำการตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะ ผลการตรวจพบสารเสพติดอยู่ในร่างกาย นายสุทธิพงษ์ฯ จริง จากนั้นจึงได้ทำการจับกุมในข้อหา “ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) โดยไม่ได้รับอนุญาต, ขับรถในขณะมีสารเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) อยู่ในร่างกายโดยผิดกฎหมาย และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางหลวง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป  

จากการสอบถามบิดาของนายสุทธิพงษ์ฯ ยอมรับว่า นายสุทธิพงษ์ฯ ติดยาเสพติดมาโดยตลอด ระยะหลังมีการอาการหลอนยาอย่างหนัก พูดจาวกไปวนมา ยิ้มหัวเราะคนเดียว และมักจะขับขี่รถจักรยานยนต์ออกไปตามท้องถนน หวั่นจะเกิดอุบัติเหตุ สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนรายอื่น นอกจากนี้ตนยังเคยถูกลูกชายทำร้ายอยู่บ่อยครั้งเวลาหลอนยา

ทั้งนี้ นายสุทธิพงษ์ฯ เคยถูกจับกุมในความผิดฐาน “เสพและครอบครองยาบ้า” มาแล้ว 2 ครั้ง ก่อนจะมาถูกจับกุมในครั้งนี้