รัฐบาลจัดขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ฯ ยิ่งใหญ่งดงาม สมพระเกียรติ เชิญชวนศาสนิกชนกราบสักการะ เพื่อความเป็นสิริมงคลอย่างสูงสุด ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง 24 ก.พ. – 3 มี.ค. และภูมิภาค 3 จังหวัด เชียงใหม่ อุบลราชธานี และกระบี่

วันที่ 23 ก.พ. 67 เวลา 16.00 น. ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นองค์ประธานฝ่ายสงฆ์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ จากสาธารณรัฐอินเดีย มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 พร้อมด้วยรัฐมนตรี คณะทูตานุทูต 49 ประเทศ ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) ข้าราชการ ศาสนิกชนชาวไทยและต่างประเทศ เข้าร่วมพิธี

การนี้ กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) ได้จัดริ้วขบวนอัญเชิญอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา เพื่ออัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ออกจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร มายังมณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยมีนายราเชนทร์ วิศวนาถ อัรเลกัร ผู้ว่าการรัฐพิหาร เป็นผู้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมอบให้แก่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ดร.วิเรนทร์ กุมาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและเพิ่มพลังทางสังคม เป็นผู้อัญเชิญพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตร มอบให้แก่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี และนายนาเคส สิงห์ เอกอัครราชทูตอินเดีย เป็นผู้อัญเชิญพระอรหันตธาตุของพระโมคคัลลานะ มอบให้แก่นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นผู้อัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนมณฑป จากนั้น สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก ถวายพวงมาลัยและจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสักการะพระบรมสารีริกธาตุ โดยมีพิธีเจริญชัยมงคลคาถาตลอดพิธี

ในส่วนการจัดริ้วขบวน จำนวน 23 ขบวน มีผู้เข้าร่วมขบวนกว่า 2,500 คน โดยขบวนที่ 18 รถอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ประกอบด้วย เทวดา ผู้ถือกลดขาว ผู้รับพระบรมสารีริกธาตุและผู้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ขบวนที่ 19 รถเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขบวนที่ 22 ศาสนิกสัมพันธ์ ประกอบด้วย ศาสนิกชนชาวอินเดีย/ชาวไทยเชื้อสายอินเดีย ตลอดเส้นทางการเคลื่อนริ้วขบวน พุทธศาสนิกชนนั่งแถวรอรับการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ พร้อมก้มลงกราบสักการะตลอดเส้นทางเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยใช้เส้นทางจากบริเวณหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร ผ่านถนนราชดำเนินใน ศาลหลักเมือง วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ถนนหน้าพระธาตุ เข้าสู่ท้องสนามหลวง ทั้งนี้เปิดให้ศาสนิกชนเข้าสักการะได้ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ – 3 มีนาคม 2567 เวลา 09.00 – 20.00 น. นอกจากนี้มีการจัดนิทรรศการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินเดียมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย รวมถึงนิทรรศการเกี่ยวกับพุทธประวัติจากประเทศอินเดีย และส่วนของการจัดกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันมาฆบูชา พุทธศักราช 2567 ระหว่างวันที่ 24 – 26 กุมภาพันธ์ 2567 มีการทำบุญตักบาตร

ในส่วนภูมิภาค 3 จังหวัด เวลา 18.00 น. ผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะผู้บริหาร ส่วนราชการประจำจังหวัด ได้จัดแถวรอรับขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ  จากท่าอากาศยานทหาร มาประดิษฐานยังมณฑป และมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์ โดยเวลา 09.00 – 20.00 น. ของทุกวัน จะเปิดให้ประชาชนได้เข้ากราบสักการะ ภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 5 - 8 มีนาคม 2567 ณ หอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 10 - 13 มีนาคม 2567 ณ วัดมหาวนาราม จังหวัดอุบลราชธานี และภาคใต้ ระหว่างวันที่ 15 - 18 มีนาคม 2567 ณ วัดมหาธาตุวชิรมงคล จังหวัดกระบี่ ในเวลา 17.00 น. เป็นต้นไป จะมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์เสริมสิริมงคลให้กับศาสนิกชนที่เข้ากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ โดยแต่ละพื้นที่จะมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์ตามอัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ จึงขอเชิญชวนศาสนิกชนร่วมสักการะบูชาเพื่อเสริมสิริมงคลอย่างสูงสุดในชีวิต