วันที่ 24 ก.พ.67 น.ส.แก้ว (นามสมมุติ) อายุ 45 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช นำเอกสารใบแจ้งความพร้อมหลักฐานภาพถ่ายการถูกทำร้ายร่างกายเข้าร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าว กรณีถูกอดีตคนรักซึ่งยังรับราชการตำรวจ ยศ"ร.ต.ต." สังกัดกองบังคับการแห่งหนึ่ง  เข้ามาตีสนิทใช้กลอุบายหลอกให้ตายใจจนยอมมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง นานกว่า 1 ปี พอผู้เสียหายจับได้ว่าคู่กรณีมีภรรยาอยู่แล้ว จึงพยายามตีตัวออกห่างกลับโดนตามรังควาน ทำร้ายร่างกาย ถูกถ่ายคลิปขณะเปลือยกาย และถูกข่มขู่ว่าจะปล่อยภาพถ่ายตอนมีเพศสัมพันธ์ออกสู่สาธารณะ


น.ส.เเก้ว เล่าว่า เมื่อเดือนมีนาคม 2565 รู้จักกับ “หมวดยุทธ” ซึ่งปัจจุบันเป็นตำรวจสังกัดกองบังคับการแห่งหนึ่ง ผ่านการแนะนำของเพื่อนคนหนึ่ง จากนั้นจึงตัดสินใจคบหาและยอมมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งโดยที่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวมีภรรยาอยู่แล้ว มานานถึง 1 ปี กระทั่งเมื่อเดือนมีนาคม 2566 ภรรยาของหมวดยุทธ ได้เดินทางไปหาตนที่ จ.กระบี่ โดยแนะนำตัวว่าเป็นภรรยาที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย ตอนนั้นยอมรับว่าเสียใจที่โดนหลอก แต่ก็ต้องตัดใจตีตัวออกห่าง ทว่าในช่วงที่คบหากันตนดันตัดสินใจพลาดไปร่วมลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตหมอนใบชา และเรือเช่า กับหมวดยุทธ สูญเสียเงินไปจำนวนหลายแสนบาทแล้ว ทำให้ยังต้องมีการพูดคุยกันในเชิงธุรกิจกันต่อ เพราะตนแสดงเจตนาขอถอนตัวและต้องการเงินที่ลงทุนไปกลับคืน

กระทั่งเมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 30 กันยายน 2566 หมวดยุทธ ได้เข้าไปที่ร้านอาหาร ซึ่งตนประกอบกิจการอยู่ ในพื้นที่ อ.เมือง จ.กระบี่ โดยขณะนั้นมีลูกค้ามานั่งกินดื่มอยู่เป็นจำนวนมาก จากนั้นได้ใช้วาจาเกี้ยวกราด ด่าทอต่อว่า ดูหมิ่นตนต่อหน้าลูกค้าต่างๆ นานา มีลูกค้าตกใจพฤติกรรมดังกล่าวจนต้องเช็คบิลออกจากร้านไป ตอนนั้นตนเห็นท่าไม่ดีและไม่อยากโต้ตอบเลยเดินหนีเข้าไปในครัว แต่หมวดยุทธ ยังตามเข้าไปตบหน้าตน 1 ครั้ง และทำการขว้างอุปกรณ์เครื่องครัวใส่ตน โดยก่อนจะเดินออกไปจากร้าน หมวดยุทธ ยังตะโกนใส่ตนว่า “คนอย่างมึงอยู่กระบี่ไม่ได้หรอก ถ้ากูไม่ให้มึงอยู่ มึงก็อยู่ไม่ได้ ไม่มีผู้ชายคนไหนเอาหรอก ถ้าเค้ารู้ว่ามึงคือเมียกูแล้ว มึงจำไว้เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ” 


นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่ตนหวาดกลัวจากคำพูดของ หมวดยุทธ ในคืนนั้นด้วยคือ “เดี๋ยวจะเอาภาพตอนมีเพศสัมพันธ์กันไปให้คนอื่นดู” เนื่องจากในช่วงเดือนเมษายน 2566 หลังจากที่ตนตัดสินใจตีตัวออกห่างหมวดยุทธ มาแล้วประมาณ 1 เดือน เจ้าตัวเคยส่งภาพที่บันทึกไว้ขณะมีเพศสัมพันธ์เข้ามาให้ตนทางไลน์ เพื่อข่มขู่ไม่ให้ตนเลิกลาและไม่ให้ตนไปมีคนใหม่ โดยคดีนี้ตนได้แจ้งความร้องทุกข์ กับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองกระบี่ เพื่อดำเนินคดีกับ หมวดยุทธ ในข้อหาหมิ่นประมาท บุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายในเวลากลางคืน ร่วมถึงข้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้องไว้แล้ว เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2566


น.ส.แก้ว เล่าต่อไปว่า หลังตนแจ้งความดำเนินคดีกับ หมวดยุทธ ไปไม่กี่วัน กระทั่งเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2566 หมวดยุทธ ก็ติดต่อมาหาตน เพื่อนัดทานข้าวต้มที่ร้านแห่งหนึ่ง โดยอ้างว่าจะคืนเงินที่เคยร่วมลงทุนให้ ตนเห็นว่าเป็นการนัดหมายในที่สาธารณะและมีหวังจะได้เงินคืนจึงเดินทางไปตามนัด แต่ระหว่างกำลังนั่งอยู่ที่ร้านข้าวต้ม หมวดยุทธ กลับฉวยโอกาสยึดโทรศัพท์มือถือของตน ที่ตนเผลอวางอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ แล้วเดินออกจากร้านข้ามต้มไป ตนพยายามร้องขอโทรศัพท์คืนแต่เจ้าตัวกลับเดินขึ้นรถ อ้างว่า จะพาไปกินต่อที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมือง จ.กระบี่ เมื่อไปถึงร้านเหล้าแล้วจะคืนโทรศัพท์ให้ ซึ่งตอนนั้นตนต่อรองว่า จะขอเป็นคนขับรถเอง เพราะเกรง หมวดยุทธ จะพาไปในที่ที่ไม่ปลอดภัย จากนั้นเมื่อตนขับรถไปถึงลานจอดรถร้านเหล้าดังกล่าว แทนที่จะได้มือถือคืนกลับเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นอีก 

“พอไปถึงที่ร้าน หมวดยุทธ ได้เดินมาเปิดประตูฝั่งคนขับ กระชากคอตนลากไปนั่งในร้าน แม้ตนจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีพนักงานคนไหนกล้าช่วย เพราะทราบว่า หมวดยุทธ เป็นตำรวจ เมื่อเข้าไปในร้าน หมวดยุทธ ยังได้ลวนลามด้วยการใช้มือล่วงเข้าไปในเสื้อ ใช้มือบิดแขนตนอย่างแรง เพื่อไม่ให้ตนขัดขืน ที่แย่ไปกว่านั้นยังกระทำการอนาจารต่อหน้าพนักงานและคนอื่นๆ โดยเอามือล้วงและดึงเสื้อในโยนออกพร้อมบีบหน้าอกตน แม้ตนจะร้องขอความช่วยเหลือแต่ก็ไม่มีใครกล้าช่วย กระทั่งจังหวะที่ หมวดยุทธ เดินหันหลังไปรับสายเข้าโทรศัพท์ ตนเห็นว่า มือถือตนถูกยัดใส่ไว้บริเวณกระเป๋ากางเกงด้านหลัง จึงปรี่เข้าไปฉวยเอาคืน แล้วรีบวิ่งหนีเข้าห้องน้ำหญิง แต่ หมวดยุทธ ยังวิ่งตามมาเพื่อแย่งโทรศัพท์คืน พร้อมดึงเสื้อของตน จนกระดุมขาดและฉีกเสื้อตนโยนทิ้ง จนตนมีสภาพเปลือยกายท่อนบน

 
ตอนนั้นตนต่อสู้ขัดขืนและร้องขอความช่วยเหลือสุดชีวิต จน หมวดยุทธ ยอมเดินออกจากห้องน้ำหญิงไป จังหวะที่พนักงานในร้านได้ช่วยกันไปหาเสื้อมาให้ตนใส่ ตนก็ขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำ ห้องหนึ่ง โดยล็อคกลอนเอาไว้ ระหว่างกำลังรอเสื้อ ตนก็ถอดกางเกงซึ่งมีสภาพเปรอะเปื้อนจากการต่อสู้ออกเพื่อล้างน้ำ จากนั้นก็ต้องตกใจเมื่อ หมวดยุทธ กลับเข้ามาที่ห้องน้ำหญิง โดยปีนห้องน้ำ ห้องข้างๆ กับห้องที่ตนซ่อนตัวอยู่เข้ามา ใช้มือถือถ่ายคลิปวีดีโอตนขณะที่เปลือยกายอยู่ภายในห้องน้ำ มีการกอดจูบ ลูบ คลำและบีบบริเวณหน้าอก หนำซ้ำยังแสดงพฤติกรรมป่าเถื่อนด้วยการฉีกกางเกงในของตน จนขาดแล้วทิ้งลงถังขยะ ก่อนจะเอากุญแจรถยนต์ในกระเป๋ากางเกงตนขับหลบหนีออกจากร้านไป ซึ่งเหตุการณ์นี้ตนก็เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองกระบี่ เพื่อดำเนินคดีกับ หมวดยุทธ ในทุกข้อหาที่เกี่ยวข้องแล้วเช่นกัน”


น.ส.แก้ว กล่าวทิ้งท้ายว่า จากทั้ง 2 เหตุการณ์ที่ตนได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันเอาไว้แล้ว รวมเป็น 2 คดี ตอนนี้เวลาผ่านมาเกือบ 5 เดือน คดียังไม่มีความคืบหน้า ไม่มีการเรียก หมวดยุทธ คู่กรณีมารับทราบข้อกล่าวหาหรือนัดมาเจรจาไกล่เกลี่ย ล่าสุดทราบเพียงว่า พนักงานสอบสวนคดีแรกอยู่ระหว่างไปอบรม ส่วนพนักงานสอบสวนคดีที่สอง ถูกแต่งตั้งโยกย้ายไปประจำการพื้นที่อื่นอย่างไม่เป็นธรรม ตอนนี้เรื่องเงินและทรัพย์สินที่เสียไป ตนไม่หวังจะได้กลับคืนแล้ว แต่เรื่องความปลอดภัยในชีวิตหลังจากนี้ตนไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งพาใคร เนื่องจากคู่กรณียังมีการส่งข้อความมาข่มขู่ถึงขั้นจะเอาปืนมายิงกบาลให้ตาย จึงตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพฯ มาร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าว และปรึกษาญาติๆ ให้ช่วยหาทนาย โดยหลังจากนี้กำลังพิจารณาเดินทางไปร้องทุกข์กับผู้บังคับบัญชาของคู่กรณี และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป