“อากู๋ เหมทัศน์” เจ้าของบ้านช็อก! พร้อมอโหสิกรรมเพื่อนบ้าน 1 ใน 5 ผู้ต้องหาคดีบุกรุกครอบครองปรปักษ์ ตัดสินใจผูกคอตายในห้องน้ำจบชีวิตตัวเอง

จากกรณีการเกิดข้อพิพาทระหว่าง “อากู๋ เหมทัศน์” เจ้าของบ้านย่านรามอินทรา 58 กับเพื่อนบ้านบุกรุกลักลอบเข้ามายึดบ้าน โดยอ้างกรรมสิทธิ์ครอบครองปรปักษ์ เป็นของตนเอง ก่อนมีการเจรจาและย้ายออกเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ก่อนจะกลับเข้ามาอ้างสิทธิใหม่อีกครั้ง โดยเปิดร้านขายไก่ทอดในบ้านหลังดังกล่าว กระทั่ง “หลานอากู๋” พร้อมทีมทนาย ความของ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ได้ตัดกุญแจบ้านปรปักษ์และให้เจ้าของบ้านตัวจริงเข้าไปอยู่อาศัย และเก็บของกลางเป็นหลักฐาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โคกคราม ได้แจ้งข้อหา และนำตัวผู้ต้องหาบุกรุก 5 คน ส่งพนักงานอัยการมีนบุรี ตามที่นำเสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 ก.พ.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คันนายาว ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ผูกคอเสียชีวิต ในบ้านพัก ถ.เลียบวงแหวนกาญจนา พื้นที่สน.คันนายาว จึงรุดเข้าตรวจสอบพบผู้เสียชีวิต ทราบชื่อคือ น.ส.ภานุมาศ (สงวนนามสกุล) สภาพใช้ผ้าขนหนูผูกคอกับประตูห้องน้ำ ภายในบ้านพัก โดยผู้ที่เห็นศพคนแรกคือสามีของน.ส.ภานุมาศ พร้อมให้การระบุว่า ตนเองได้ออกไปซื้อของ พอกลับเข้ามาที่บ้านก็ไม่เจอตัวจึงเดินตามหา พบว่าภรรยาได้ใช้ผ้าผูกคอตัวเองในห้องน้ำ ตนจึงพยายามช่วยเหลือ โดยการทำ CPR แล้วแต่ไม่เป็นผล

 ด้าน ทนายความของฝ่ายคู่กรณีของเจ้าของบ้านให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้ลูกความของตนมีความเครียดที่ฝ่ายตรงข้ามใช้สื่อเป็นเครื่องมือ และรู้สึกเครียด และบ่น อยากจะหาทางออก โดยการไกล่เกลี่ยกับเจ้าของบ้าน จนมีอาการจิตตก ประกอบกับมีโรคประจำตัวร้ายแรงอยู่แล้ว จึงคิดว่าน่าจะเป็นสาเหตุของการตัดสินใจผูกคอดังกล่าว

มีรายงานว่า น.ส.ภานุมาศเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกแจ้งความในคดีบุกรุกบ้านอากู๋ ในซอยรามอินทรา 58 แยก 6-2 และฟ้องกลับเจ้าของบ้านตัวจริงโดยอ้างสิทธิครอบครองปรปักษ์ กรณีเข้าไปครอบครองบ้านของอากู๋จนกลายเป็นประเด็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมเป็นอย่างมาก

ด้าน ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์  โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ทนายคลายทุกข์ ระบุว่า  "ผมได้แจ้งให้อากู๋ทราบแล้ว อากู๋ ถึงกับช็อกและขอแสดงความเสียใจกับการเสียชีวิตของคุณศรีพรรณ และขออโหสิกรรม"

ที่สน.คันนายาว น.ส.อำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง เปิดเผยว่า วันนี้ตนเดินทางมาตรวจสอบหลังได้รับทราบข่าวว่า 1 ใน 5 ผู้ต้องหา ที่ผูกคอเสียชีวิตภายในบ้านพักย่านรามอินทรานั้นเป็นผู้ต้องหาในคดีแรกนั่นคือคดีบุกรุก ซึ่งส่งสำนวนไปอัยการมีนบุรีแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่เกี่ยวข้องกับคดีครอบครองปรปักษ์ ส่วนคดีรอบที่สอง ที่ยื่นคำร้องขอครอบครองปรปักษ์คือคุณศรีพรรณ และในคดีนี้ได้แจ้งความคุณศรีพรรณเพียงคนเดียว      

เมื่อผู้สื่อข่าวถามเรื่องการพูดคุยกับผู้ต้องหารายอื่นๆ ที่เหลือหรือไม่ ทนายกุ้ง กล่าวว่า ขณะนี้ขณะนี้ตนยังไม่ได้พูดคุยกับใครเลยแม้กระทั่งผู้เสียหาย ต่างคนก็ต่างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเลยมาตรวจสอบในวันนี้ ซึ่งในส่วนของผู้ต้องหาที่เสียชีวิตอัยการก็ต้องจำหน่ายคดีไป ส่วนประเด็นที่มีการติดต่อขอถอนฟ้องร้องนั้น ตนทราบมาว่ามีผู้ต้องหาบางรายจะไปถอนคดีครอบครองปรปักษ์ที่ศาลมีนบุรี เนื่องจากยอมรับผิด แต่ตนได้ให้ทนายไปตรวจสอบแล้วก็พบว่ายังไม่ได้มีการถอนแต่อย่างใด      

ทั้งนี้หลังจากที่ตำรวจส่งสำนวนไปให้อัยการมีนบุรีแล้ว ตนทราบมาว่ามีผู้ต้องหาบางราย ติดต่อผ่านทนายเดชาเพื่อขอเจรจา แต่ประเด็นตอนนั้นยังมีการพูดคุยกับทางด้านของอากู๋ ซึ่งผู้เสียชีวิตไม่ได้มีการเข้ามาเจรจาแต่อย่างใด และแน่นอนว่าตอนนั้นรู้สึกโกรธเนื่องจากมีการทำแล้วยังทำอีก แต่ก็ยังไม่ได้การพูดคุยอะไรกันต่อ      

ส่วนหลังจากเกิดเหตุการณ์ในวันนี้แนวโน้มในการไกล่เกลี่ยจะเป็นอย่างไรต่อนั้น ทนายกุ้ง กล่าวว่า จริง ๆ แล้วขบวนไกล่เกลี่ยสามารถทำได้ในทุกขั้นตอนอยู่แล้ว ซึ่งตนทราบมาจากท่านรองที่ สน.โคกคราม ว่าเมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา     

  ทั้งนี้ ผู้เสียชิตยังโทรมาปรึกษาว่าเครียดในเรื่องคดีบุกรุก โดยในตอนแรกที่มีการแจ้งความนั้นผู้เสียชีวิตได้มาไกล่เกลี่ยที่ สน.โคกคราม แต่ตกลงเรื่องตัวเลขกันไม่ได้ และเรื่องก็จบไปแล้ว ตัวผู้ต้องหาก็ได้ทำการขนย้ายทรัพย์สินออกไปเมื่อวันที่ 17 ก.ย.66 ก่อนที่ต่อมาผ่านไป 2 เดือน 1 ในผู้ต้องหานั่นคือน.ส.ศรีพรรณยื่นคำร้องต่อศาลขอครอบครองปรปักษ์บ้านหลังนี้ แต่ตอนนี้ไม่ทราบว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่ จากนั้นต่อมาทางคุณซันหลานอากู๋มาพบว่าหน้าบ้านหลังดังกล่าวมีการติดป้ายว่า บ้านหลังนี้ได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์แล้ว และมีการติดป้ายร้านไก่ทอด ทั้ง ๆ ที่บ้านยังอยู่ในระหว่างชั้นศาลเลย ประเด็นต่อมาคือทางฝั่งผู้ต้องหามาตัดกุญแจ บุกรุกเข้าไปใหม่ครั้งที่ 2 เลยมีการไปแจ้งความกับคุณศรีพรรณคนเดียว      

สำหรับประเด็นที่ทนายผู้ตายบอกว่าฝั่งตนใช้สื่อในการกดดัน ตนมองว่าตอนนี้ในฐานะทนายความก็ทำหน้าที่ทนายความ ซึ่งก็ทำหน้าที่ของสื่อ การเสนอข่าวตามข้อเท็จจริงข้อเท็จจริงที่ตนพูดออกไป เพราะตามกฎหมายตนก็ต้องปกป้องด้วยความของตนตามกฏหมาย ไม่ได้กดดันอะไร สำหรับค่าเสียหาย ในคดีครอบครองปรปักษ์นั่น ตนได้ฟ้องแย้ง ฟ้องขับไล่ เรียกร้องค่าเสียหายเป็นค่าเช่าเดือนละ 20,000 บาท ย้อนหลัง 6 ปี สุดท้ายนี้ตนอโหสิกรรมให้ และตนเชื่อว่าอากู๋ก็อโหสิกรรมเหมือนกัน และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต    

   ขณะที่ นายเอ็กซ์ (นามสมมุติ) ญาติของ น.ส.ภาณุมาศผู้เสียชีวิต ที่เดินทางมายื่นเอกสารและให้การกับพนักงานสอบสวน พร้อมเปิดเผยว่า ผู้ตายรู้สึกกดดันหลังจากที่ถูกดำเนินคดีจริงหรือไม่นั้น ตนเองก็ไม่ทราบ ส่วนเมื่อเช้าตนเดินทางไปที่บ้านของผู้ตายก็พบว่าทางสามีได้นำร่างของผู้ตายลงมาจากบ้านเพื่อรอเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาเก็บกู้ร่างแล้ว เพราะบ้านหลังดังกล่าวทราบว่า ผู้ตายก็อาศัยอยู่กับสามีสองคน    

   ส่วนก่อนหน้านี้ผู้ตายก็อาจจะมีความเครียดอยู่บ้างบางครั้ง แต่ตนไม่ได้อยู่ใกล้ชิดจึงไม่ทราบรายละเอียดมาก ตนได้คุยกับผู้ตายเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ตอนนั้นผู้ตายก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง แต่ตนทราบเรื่องอยู่แล้วจึงได้ให้กำลังใจกับผู้ตาย บอกว่ามีปัญหาก็ค่อยๆ แก้กันไป ส่วนคดีความหลังจากนี้ก็ต้องให้ทนายความเป็นคนดำเนินการต่อ       นายเอ็กซ์  กล่าวอีกว่า ตอนนี้ก็ได้ส่งร่างของผู้ตายไปที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ แต่เบื้องต้น ทราบว่าผู้ตายได้บริจาคร่างกายไว้แล้ว  ซึ่งปกติเขากับครอบครัวจะชอบไปทำบุญและปฏิบัติธรรมที่วัดทุกวันเสาร์อาทิตย์ แต่หลังจากนี้ยังไม่ทราบว่าบริจาคร่างกายได้หรือไม่ ต้องรอความเห็นจากแพทย์ ซึ่งหากบริจาคได้ทางครอบครัวก็ยังจะประกอบพิธีตามศาสนาต่อไป      

ขณะที่ สามีของผู้เสียชีวิตไม่สะดวกให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ก่อนจะเดินทางไปที่โรงพยาบาลตำรวจทันที