นายไมเคิล เดวิด มาร์แชล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) (SET: SHR)  กล่าวว่า  บริษัทฯ เตรียมจ่ายเงินปันผลครั้งแรกหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายหลังบรรลุเป้าหมายรายได้จากการขายและให้บริการในปี 2566 ในระดับสูงสุดในประวัติการณ์ จำนวน 9,701 ล้านบาท เติบโตขึ้น 12% จากปีก่อนหน้า กำไรสุทธิเติบโต 5 เท่าตัว

โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมที่เปิดให้บริการ อยู่ที่ 71% ปรับเพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนหน้า นอกจากนี้ การปรับแผนการตลาดอย่างมีประสิทธิผล มุ่งเน้นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของโรงแรมอยู่เสมอ ส่งผลให้อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อคืน (ADR) ปรับเพิ่มขึ้น 9% จากปีก่อน ที่ระดับ 5,675 บาทโดยระดับรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPAR) ปรับเพิ่มขึ้นถึง 23% ที่ระดับ 3,871 บาท จึงส่งผลให้บริษัทฯ กำไรสุทธิที่ 86.4 ล้านบาท เติบโตขึ้น 501% จากปีก่อนหน้า

ทั้งนี้ นายไมเคิล  กล่าวว่า การปรับแผนธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการตลาดเชิงรุกที่หลากหลาย หรือการปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ศักยภาพสูง  ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นในทุกภูมิศาสตร์ที่ตั้ง โดย 1.โรงแรมในประเทศไทยสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นถึง 59% จากปีก่อนหน้า และมีอัตราการเข้าพักที่ไม่รวมห้องพักที่อยู่ระหว่างปิดปรับปรุงสูงถึง 78%  2.โรงแรมของบริษัทฯ ในสหราชอาณาจักร ที่มีผลการดำเนินงานเติบโตขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนความนิยมในการท่องเที่ยวในประเทศและระหว่างภูมิภาคที่ยังคงเติบโตแข็งแกร่ง รวมถึงความสำเร็จจากกลยุทธ์พัฒนาประสิทธิภาพพอร์ตโฟลิโอ ส่งผลให้สามารถบันทึก RevPAR ในระดับสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ 3.โรงแรม 2 แห่งในโครงการ CROSSROADS สาธารณรัฐมัลดีฟส์ สามารถสร้างรายได้ที่เติบโต 4% แม้จะเผชิญสภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่รุนแรง 4. ผลการดำเนินงานกลุ่มโรงแรม Outrigger แม้จะปิดให้บริการชั่วคราวของ Outrigger Mauritius Beach Resort เพื่อปรับปรุงระบบบริหารจัดการน้ำในระหว่างเดือนเมษายนถึงตุลาคมของปี 2566 แต่ความโดดเด่นทั้งด้านทำเลที่ตั้ง และการส่งมอบประสบการณ์เข้าพักที่น่าประทับใจ ประกอบกับการปรับปรุงระยะที่ 2 ของโรงแรม Outrigger Fiji Beach Resort แล้วเสร็จสมบูรณ์ตามแผนในเดือนพฤศจิกายน ผลักดันให้ ADR เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญกว่า 22% จากปีก่อนหน้า

นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมายังประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการ ไม่ว่าจะเป็นแผนการปรับปรุงโรงแรมหลักของบริษัทฯ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างผลกำไรที่มีประสิทธิภาพ โดยคาดว่าห้องพักที่ได้รับการปรับปรุงแล้วจะสามารถยกระดับ ADR ได้เฉลี่ยในช่วง 15% - 25% รวมไปถึงการเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์ของโรงแรม SO/ Maldives รีสอร์ทระดับ 5 ดาว ในเดือนพฤศจิกายน 2566 ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี  

ซึ่ง นายไมเคิล กล่าวต่อว่า บริษัทฯ เห็นสัญญาณบวกที่แข็งแกร่งในปี 2567 จากจำนวนนักท่องเที่ยว และความเต็มใจใช้จ่ายสำหรับการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทั้งในประเทศไทย สาธารณรัฐมัลดีฟส์ และสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ ประกอบกับรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPAR) ที่เพิ่มขึ้นจากผลสำเร็จของการปรับปรุงห้องพักและยกระดับมาตรฐานของโรงแรมในปีที่ผ่านมา พร้อมต่อยอดรากฐานทางธุรกิจเพิ่มศักยภาพในการสร้างผลกำไรในปี 2567  

ดังนั้นเพื่อเป็นการต่อยอดรากฐานทางธุรกิจอันมั่นคง บริษัทฯ จะเดินหน้ามุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพในการสร้างผลกำไรในปี 2567 ผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก  ซึ่งประกอบไปด้วย 1.บริหารโดยมุ่งเน้นให้ RevPAR เติบโตได้ในทุกภูมิศาสตร์ที่โรงแรมของบริษัทดำเนินการอยู่ ควบคู่ไปกับการเติบโตของรายได้อื่นนอกเหนือจากการเข้าพัก (Non-room Revenue) โดยนำเสนอเมนูใหม่ๆ พร้อมประสบการณ์ด้านอาหารและเครื่องดื่มที่มีเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของแบรนด์  พร้อมแผนเปิดตัวบีชคลับในทุกรีสอร์ทในเครือทราย (SAii)

ขณะที่ 2.ยกระดับพอร์ตโฟลิโอและหมุนเวียนสินทรัพย์ (Portfolio Enhancement and Rotation) อย่างต่อเนื่อง โดยจะดำเนินการระยะที่ 2 ตามแผนการปรับปรุงโรงแรมในประเทศไทยที่ ทราย ลากูน่า ภูเก็ต และ ทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ และดำเนินกลยุทธ์เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่และรีแบรนด์โรงแรมที่เหมาะสมและมีศักยภาพในสหราชอาณาจักร

ส่วน 3.แผนยกระดับแบรนด์ทราย (SAii) ให้มีมาตรฐานระดับสากล (International Standard) ผนวกกับการสร้างการจดจำแบรนด์ในฐานะจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวแบบลักชูรีอย่างยั่งยืน พร้อมนำความแข็งแกร่งของแบรนด์มาต่อยอดในการสร้างการเติบโตที่ยืดหยุ่นขึ้นและมีข้อจำกัดที่ลดลง ทั้งภายใต้โมเดลธุรกิจแบบ Asset-Light และการร่วมทุน (Joint Venture)

อีกทั้ง 4.จัดสรรงบในการลงทุนมูลค่า 15,000 ล้านบาทเพื่อซื้อและควบรวมกิจการ (Merger and Acquisition) ตลอดระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า เพื่อสร้างความหลากหลายให้แก่พอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯ และสร้างความเติบโตที่ยั่งยืนในด้านรายได้และกำไร รวมถึงลดความผันผวนทางฤดูกาล (Seasonal Effect) ของโรงแรมในเครืออีกด้วย

ด้วยกลยุทธ์ทางธุรกิจที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะเรื่อง Brand Enhancement และการมุ่งเน้นการลงทุนขยายสินทรัพย์คุณภาพ จะเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของ SHR ในการดำเนินการตามแผนธุรกิจในปีนี้ ให้บรรลุเป้าหมายการเพิ่มรายได้ผลกำไร และขยายพอร์ตโฟลิโอสู่ระดับนานาชาติ