ลานบ้านกลางเมือง / บูรพา โชติช่วง : ยังพอมีเวลาให้ศาสนิกชนได้เข้าไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ที่อัญเชิญมาจากสาธารณรัฐอินเดีย มาประดิษฐานมณฑปชั่วคราว ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง

การอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ มาประดิษฐานชั่วคราวในประเทศไทย ตามข้อมูล เป็นความร่วมมือของสองรัฐบาลระหว่างไทยและอินเดีย โดยกระทรวงวัฒนธรรมของไทยและอินเดีย กรมการศาสนา สถานเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 หน่วยงานภาครัฐและเอกชนร่วมดำเนินงานโครงการดังกล่าว ในโอกาสสำคัญเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ทั้งเป็นส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และเชื่อมสัมพันธ์อันดีของสองประเทศที่มีนานนับพันปี ซึ่งก็ไม่บ่อยนักที่รัฐบาลอินเดียอัญเชิญองค์พระธาตุศักดิ์สิทธิ์นี้ไปประดิษฐานนอกประเทศเป็นการชั่วคราว และนับเป็นครั้งแรกหลังพุทธกาล ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับร่วมกับองค์พระอัครสาวกเอกเบื้องซ้ายและเบื้องขวาในรอบ 2567 ปี ในโอกาสวันมาฆบูชา วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาในประเทศไทยครั้งประวัติศาสตร์ด้วย

กล่าวพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญนี้ มาจากพิพิธภัณฑ์กรุงนิวเดลี ถูกขุดพบจากสถูปโบราณ เมืองปิปราห์วา สันนิษฐานว่าเป็นที่ตั้งของเมืองกรุงกบิลพัสดุ์ในสมัยพุทธกาล มีหลักฐานเป็นจารึกอักษรพราหมีบนผอบ แปลว่า “ที่บรรจุพระสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้านี้ เป็นของสากยราชสุกิติ กับพระภาตา พร้อมทั้งพระภิคินี พระโอรสและพระชายา สร้างขึ้นอุทิศถวาย” ส่วนพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวก พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ อัญเชิญมาจากสถูปเมืองสาญจี บรรจุในผอบ มีจารึกอักษรพราหมีว่า “สาริปุตส” แปลว่า (พระธาตุ) ของพระสารีบุตร และ “มหาโมคลานส” แปลว่า (พระธาตุ) ของพระมหาโมคคัลลานะ เป็นเครื่องยืนยันว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวกทั้งสอง (ข้อมูลกรมการศาสนา)

ในส่วนของการเปิดให้ศาสนิกชนได้เข้าสักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวกทั้งสอง ประดิษฐานมณฑปมณฑลพีท้องสนามหลวง ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จนถึง 3 มีนาคม 2567 ล่าสุดขยายเวลา 08.00 – 21.00 น. นอกจากนี้มีนิทรรศการเกี่ยวกับพุทธประวัติจากประเทศอินเดียให้ความรู้อีกด้วย

สำหรับในส่วนภูมิภาค มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวกทั้งสอง ไปประดิษฐานชั่วคราวใน 3 จังหวัด ได้แก่ ภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 5 – 8 มีนาคม ณ หอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 10 – 13 มีนาคม ณ วัดมหาวนาราม จังหวัดอุบลราชธานี และภาคใต้ ระหว่างวันที่ 15 – 18 มีนาคม 2567 ณ วัดมหาธาตุวชิรมงคล จังหวัดกระบี่ โดยแต่ละพื้นที่จัดแถวรอรับขบวนอัญเชิญประดิษฐานมณฑป มีพิธีเจริญพระพุทธมนต์ตามอัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ เปิดให้ประชาชนเข้ากราบสักการะ เวลา 09.00 – 20.00 น. ของทุกวัน ในฐานะชาวพุทธการได้มีโอกาสเข้ากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวกฯ นับเป็นมงคลชีวิต