สำหรับ "ทราย รีสอร์ท" (SAii Resorts) แบรนด์รีสอร์ทแนวคิดไลฟ์สไตล์อิสระในเครือ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (S Hotels and Resorts) ผู้นำด้านการบริหารงานโรงแรมและรีสอร์ทชั้นนำของไทย ชวนเหล่า "InSAiiders" (อินทรายเดอร์) นักเดินทางผู้รักการผจญภัย มาร่วมสัมผัสประสบการณ์วันหยุดสุดพิเศษที่เน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ทั้งการเรียนรู้สิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล การอนุรักษ์ ไปจนถึงกิจกรรมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ ณ รีสอร์ทสุดยั่งยืน 4 แห่งในภาคใต้ของประเทศไทยและมัลดีฟส์ ตลอดปี 2567

ทั้งนี้ นายไมเคิล มาร์แชลล์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ S Hotels & Resorts กล่าวว่า “SAii” ได้สร้างสรรค์ประสบการณ์การพักผ่อนให้ตอบโจทย์นักเดินทางยุคใหม่ ด้วยแนวคิด “วันหยุดสีเขียว” ผ่านกิจกรรมการท่องเที่ยวเหนือระดับโดยได้รับแรงบันดาลใจจากชุมชน และมอบความยั่งยืนและผลกระทบเชิงบวกต่อโลก โดยผู้เข้าพักของ SAii ที่เรียกว่า “InSAiiders”ได้มีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศในท้องถิ่นและมีส่วนร่วมในโครงการอนุรักษ์ที่นำโดยผู้เชี่ยวชาญ ณ ศูนย์การเรียนรู้ทางทะเล ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านสิ่งแวดล้อมภายใน “ทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ” และ “ทราย ลากูน มัลดีฟส์” ที่ถือกำเนิดขึ้นภายใต้ความมุ่งมั่นของ แบรนด์ SAii เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท และ สิงห์ เอสเตท ที่กำลังก้าวเดินตามเป้าหมายระยะยาวไปสู่การเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญทั้งบนบกและในทะเล ให้ได้ 30% ภายในปี 2030

โดย SAii Phi Phi Island Village ได้ร่วมมือกับมูลนิธิ Green World Foundation เพื่อรักษ์พืชและสัตว์ต่าง ๆ โดยระหว่างการสำรวจป่าโกงกางใกล้รีสอร์ท พวกเขาได้ค้นพบว่า มีสิ่งมีชีวิตทั้งหมด 292 ชนิดอาศัยอยู่บริเวณนั้น รวมถึงปลาอมไข่(Orbiculate cardinalfish) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในบริเวณทะเลอันดามันของไทย

ซึ่งการค้นพบอันน่าทึ่งนี้ชี้ให้เห็นว่า ป่าชายเลนแห่งนี้เป็นระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์อย่างมาก นอกจากนี้ นับตั้งแต่ปี 2022 พื้นที่หญ้าทะเลบริเวณรีสอร์ทยังขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 158 ตารางเมตร อีกทั้งยังมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับชุมชนท้องถิ่นบนเกาะพีพี เพื่ออนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพของพื้นที่ธรรมชาติกว่า 192,000 ตารางเมตร รวมถึงร่วมมือกับศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน (Phuket Marine Biological Centre) ในการปล่อยฉลามกบลงสู่ทะเลอันดามัน ภายใต้โครงการ SOS (Save Our Sharks) โดยนับตั้งแต่โครงการเริ่มต้นในปี 2021 ได้มีการปล่อยฉลามไปแล้ว 30 ตัว และมีไข่ฉลามฟักเป็นตัวในบ่ออนุบาลที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะถึง 29 ฟอง

ด้าน ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ จุดหมายปลายทางไลฟ์สไตล์แห่งแรกและแห่งเดียวในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของ SAii Lagoon Maldives ทีมนักชีววิทยาประจำศูนย์การเรียนรู้ทางทะเลได้ประสบความสำเร็จในการขยายแนวปะการังท้องถิ่นเพิ่มขึ้นถึง 6 เท่า ส่งผลให้พบเห็นสัตว์ทะเลหายาก เช่น ฉลามหัวค้อนลายครีบหยัก ปลาฉลามหัวเลื่อย และเต่ากระ  ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่ม "สัตว์ใกล้สูญพันธ์อย่างยิ่ง" จากบัญชีแดงของ IUCN

นอกจากนี้ ยังมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับรัฐบาลมัลดีฟส์ เพื่อสนับสนุนพื้นที่อนุรักษ์ของ CROSSROADS Maldives ให้อยู่ภายใต้โครงการ Other Effective Area-Based Conservation Measures (OECMs) พื้นที่ดังกล่าวครอบคลุม 3.1 ล้านตารางเมตร คิดเป็น 31% ของขนาดโครงการทั้งหมด ถือเป็นพื้นที่คุ้มครองทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดในมหาสมุทรอินเดีย

พร้อมกันนี้ แบรนด์ SAii  เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท และ สิงห์ เอสเตท ต่างตั้งเป้าหมายที่จะให้การดำเนินงานโดยเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี 2030 และเพื่อบรรลุเป้าหมายอันยิ่งใหญ่นี้ SAii จะทยอยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 5% ทุกปี ตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป ผ่านโครงการริเริ่มมากมาย อาทิ การติดตามคาร์บอน การลดขยะ และพลังงานสีเขียว โดยคาดว่าการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในไทยและมัลดีฟส์จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงถึง 20%