วันที่ 15 มี.ค.2567 ที่กกต. นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ เปิดเผยว่าวันนี้เดินทางมา กกต. เพื่อเข้าให้ถ้อยคำในคำร้องที่ตนยื่นขอให้ กกต.พิจารณาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคภูมิใจไทย   จากกรณีรับเงินบริจาค หจก. บุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น   ซึ่งได้ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2567    และในวันนี้ยังได้นำพยานหลักฐานมายื่นต่อ กกต.เพื่อประกอบคำร้องดังกล่าว จึงขอให้ กกต.นำเรื่องพิจารณายุบพรรคภูมิใจไทยเข้าสู่ที่ประชุม กกต.ในสัปดาห์หน้า และมีมติส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคภูมิใจไทย ควบคู่ไปกับการยื่นคำร้องยุบพรรคก้าวไกล   ซึ่งส่วนตัวมองว่าการยุบพรรคก้าวไกลยังห่างไกลกว่าการยุบพรรคภูมิใจไทย

โดยคำวินิจฉัยกรณีของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ นั้นการให้นอมินีถือหุ้นแทน ส่วนตัวเห็นว่ามันจบแล้ว เพราะ หจก. บุรีเจริญ นำเงินมาบริจาคให้กับพรรคภูมิใจไทย วงล้อแห่งการกระทำความผิดครบถ้วนกระบวนความ  ไม่จำเป็นต้องตีความ แต่สำหรับกรณีพรรคก้าวไกลยังต้องมีการวินิจฉัยต่อไป ซึ่งจากคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 4 คน   ระบุว่าการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 อาจจะกระทำได้ หรือกระทำไม่ได้แต่ในส่วนของ หจก.บุรีเจริญ นายศักดิ์สยาม และพรรคภูมิใจไทย ข้อเท็จจริงจบแล้ว

นายภัทรพงศ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามรัฐมนตรีไม่สามารถถือหุ้นได้  เพราะถือว่าทำให้ราชการมีส่วนได้เสีย ขัดกับคุณสมบัติผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีที่ห้ามนำบริษัทของตัวเอง เป็นคู่ค้า คู่สัญญากับหน่วยงานรัฐ และที่สำคัญที่สุด นายศักดิ์สยาม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในขณะนั้น นำบริษัทเข้าประมูลงาน และท้ายที่สุดชนะการประมูลงาน  และก่อสร้างถนนหลวง รวมมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท ซึ่งตนได้นำหลักฐานเกี่ยวกับการก่อสร้างรายได้ของ หจก.บุรีเจริญฯ รวมถึงการรับบริจาคเงินของพรรคภูมิใจไทย   โดยได้รับจาก หจก.บุรีเจริญฯ เพียงแห่งเดียวกว่าหลายล้านบาท มาเรียกร้องกกต.ต้องพิจารณายุบพรรคภูมิใจไทย ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญตีคู่ไปกับยุบพรรคก้าวไกล  วัดใจศาลรัฐธรรมนูญว่าจะเอาอย่างไร

“ฝากเป็นคำถามให้  กกต.ไปตามต่อ  หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตามต่อโดยเฉพาะกรมสรรพากร ปี 2562 - 2563   มีเงินเข้าบัญชีนายศักดิ์สยาม กว่า 200 ล้านบาทใช่หรือไม่   ปี 2562 นายศักดิ์สยาม เสียภาษีเป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท เงินที่มาในบัญชีนายศักดิ์สยาม 200 ล้านบาทไม่น่าจะมีการเสียภาษี ผมจึงขอถามว่าจริงหรือไม่   อย่างไรขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบต่อ  

ส่วนเงินนั้นจะโยกไปไหน  เดี๋ยวตามต่อ วันนี้เป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากจะต้องถูกยุบออกจากสารบบมันจบละครับนาย การมาของผมวันนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนของพรรคภูมิใจไทย  และหวังว่าการมาวันนี้จะเป็นการเอาภูมิใจไทยบรรจุในเมรุ แล้ว กกต.ลากไปเผายังศาลา 2 ศาลรัฐธรรมนูญ“ นายภัทรพงศ์ กล่าว

นายภัทรพงศ์  กล่าวอีกว่า คนที่บริจาคเงินให้กับพรรคภูมิใจไทย คือคนที่ศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าเป็นนอมินีให้กับนายศักดิ์สยาม โดยบริจาคให้กับพรรคภูมิใจไทย เมื่อวันที่ 7 ม.ค.2562   เป็นเงินจำนวน 2.7 ล้านบาท และ หจก.บุรีเจริญฯ บริจาคหลายครั้ง รวมเป็นเงินหลายล้านบาท ซึ่งคนที่รับเงินบริจาค  คือนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายศักดิ์สยาม จึงเกิดคำถาม คือนายศักดิ์สยาม เป็นเลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรคจะต้องรับผิดรับชอบกับการกระทำของพรรค ซึ่ง หจก.บุรีเจริญฯ เป็นของตัวเองและกฎหมายห้ามเงินที่ได้มาจากการกระทำของหจก.บุรีเจริญ และในเครือที่เป็นนอมินี เป็นเงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อตัวเองรับเงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย  จึงผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งระบุไว้ชัดเจนอยู่แล้ว