เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 16 มี.ค.  2567 ที่ห้องประชุมโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แฝก-แม่งัดสมบูรณ์ชล ตำบลอินทขิล อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ติดตามการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน โดยมี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 รวมทั้งหัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังจากที่ค่ำวันที่ 15 มี.ค. ได้มีการพูดคุยกันไปบ้างแล้วบางส่วน

ทั้งนี้ส่วนราชการได้มีการชูป้ายรณรงค์หยุดเผา ลดหมอกควัน ลดโลกร้อน สร้างสุขภาพที่ดีให้ทุกคนในชุมชน ,ชาวแม่แตงร่วมใจไม่เผาป่า รักษาธรรมชาติ อากาศบริสุทธิ์

โดยนายกฯ รับฟังบรรยายสรุปการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน พร้อมกล่าวเมื่อเห็นกราฟสถิติค่าฝุ่น PM 2.5 โดยระบุว่า แท่งกราฟสีชมพูอ่อน หากเทียบกับกราฟสีแดงปีที่แล้ว จะเห็นได้ว่าปริมาณลดลงอย่างชัดเจน ปีที่แล้วสีแดงเข้ม แต่ปีนี้เป็นสีชมพู แม้ว่าที่ผ่านมาบางจังหวัด เช่น เชียงใหม่  อาจจะอยู่อันดับต้นๆ แม้จะอยู่อันดับ 1 ของโลก แต่ปริมาณก็ลดน้อยลงไป แต่ไม่ได้หมายความว่าเราทำดีแล้ว เราต้องพัฒนาต่อ และจากการที่ข้าราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้บูรณาการทำงานตลอด 3-4 เดือนที่ผ่านมาเห็นชัดเจนว่าค่าฝุ่นลดลงอย่างชัดเจนจุดความร้อนในปัจจุบันเป็นแค่ 1 ใน 3 ของปีที่ผ่านมา แสดงว่าเราทำงานได้ดีขึ้น 3 เท่า แต่ไม่ได้บอกว่าเราพอใจในผลงาน ผลจากการที่กระทรวงทรัพย์ฯ ทำงานร่วมกับหน่วยความมั่นคง ทำให้จำนวน จุดความร้อนลดลงได้ถึง 1 ใน 3%

นายเศรษฐา กล่าวว่า ในเรื่องผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ เพื่อเป็นการเคลียร์ข่าวการเบิกจ่ายงบประมาณ ตอนนี้ยืนยันงบประมาณที่ให้ไปปัจจุบันสามารถเบิกจ่ายได้จริง และนโยบายถือเป็นเรื่องดี ต้องเป็นคนในพื้นที่เท่านั้น ที่ผูกพันในพื้นที่ มีจิตใจรักเพื่อนที่ทำด้วยใจ ขอฝากในเรื่องความปลอดภัยอาสาสมัครเหล่านี้ ในเรื่องอุปกรณ์ต่างๆ ต้องดูแลเขาด้วย เพราะอาจจะมีอันตรายได้ ทั้งเรื่องรองเท้า อุปกรณ์ต่างๆขอให้ดูให้ดีด้วย ตอนนี้เรากำลังจะเข้าสู่ช่วงฤดูที่พีคขึ้น แต่เข้าใจตรงกันคือจำนวนไม่เท่าปีที่แล้ว ดูจากสายตาโดยประมาณครึ่งต่อครึ่ง แม้ว่าเชียงใหม่จะติดท็อปของโลก แต่ปีนี้ก็ยังดีกว่า ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบในช่วงเวลาเดียวกัน แล้วคิดว่าจะดีต่อไปถ้าเราทำงานร่วมกันได้ดี

นายกฯ กล่าวอีกว่า ขอบคุณเจ้าหน้าที่ระดับสูงทุกคนที่เอาเรื่องของ PM 2.5 เป็นวาระแห่งชาติ หากได้ติดตามการทำงานของคณะรัฐมนตรีจะทราบว่ารัฐบาลเราให้ความสำคัญเรื่องนี้ค่อนข้างมาก ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว มีการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นขอสรุปจากที่ได้รับฟังรายงานประเด็นแรกต้องยอมรับว่า PM 2.5 เป็นปัญหาใหญ่ แต่อย่างไรก็ตามถึงวันนี้เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาจริงๆแล้วจุดฮอตสปอตลดลงอย่างน้อยครึ่งหนึ่งหรือ 2 ใน 3 ซึ่งต้องให้ขวัญกำลังใจพี่น้องที่ทำงานด้วย แม้ในอดีตที่ผ่านมามีข่าวเยอะว่าจังหวัดเชียงใหม่ถูกจัดอันดับท็อปเท็นของโลกตลอดเวลา แต่ปริมาณของฝุ่นได้น้อยลง 1-2 ใน 3 ปริมาณจากทุกๆปี แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้เป็นช่วงที่เข้าสู่ระยะเฝ้าระวัง High Season จากนี้ต่อไป 4-5 วันจะเป็นช่วงเฝ้าระวังที่สุด ซึ่ง PM 2.5 กระทบต่อปัญหาเศรษฐกิจ จึงต้องหานวัตกรรมใหม่ๆมาประสานกับกองทัพ นำรถขนส่ง เอาซากพืช ไปเข้าโรงงาน ซึ่งก็ได้พยายามกันอย่างเต็มที่ 

นายกฯ  กล่าวอีกว่า  เราตระหนักดีหากเศรษฐกิจยังใช้วิธีการเดิมก็เผา แต่ถ้าให้องค์ความรู้กับเกษตรกร คนในพื้นบ้านถือเป็นเรื่องสำคัญ เศรษฐกิจก็แก้ไขกันไป วันนี้เราไม่มีสงครามแล้ว ก็ประสานกองทัพนำอุปกรณ์มาช่วยตรงนี้ อย่างไรก็ตามเรายังคงต้องทำงานกันต่อไปเรื่องเศรษฐกิจสำคัญ ดังนักวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เสนอช่วงหน้าฝนหากจำได้ ตนเคยเดินทางมาเชียงใหม่ได้มีการพูดคุยจัดระบบด้านคมนาคม งบประมาณ มีการวางแผนระยะกลางระยะยาว ในเรื่องของการจราจร พร้อมได้ขอความช่วยเหลือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ในเรื่อง การจราจรทางอากาศให้มีการเดินทางสะดวก คิดว่านโยบายทุกฝ่ายทำอย่างเต็มที่และทำได้ดีไม่ว่าจะเป็นกรมป่าไม้ กรมอุทยานที่มีการเฝ้าระวัง งบกลางก็ได้อนุมัติไปแล้ว การประสานงาน อุปกรณ์ต่างๆ ก็ทำอย่างเต็มที่ รวมถึงการเก็บซากใบไม้ต่างๆ ก็พยายามอย่างเต็มที่สู่ความสามารถที่จะทำได้ แต่ยังทำได้อีก ส่งผลให้ PM 2.5 ลดลงไป แต่เชียงใหม่ก็ยังไปเบอร์ 1 ใน 10 ของโลก 

นายกฯ กล่าวว่า เราต้องพูดความจริงว่าจริงๆแล้วก็ลดลงไปมาก และอีกส่วนที่เป็นปัญหาใหญ่ ที่ตนดูอยู่เป็นเรื่องการเผาจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องของทิศทางลมและอะไรหลายๆอย่าง ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศก็ได้ตั้งคณะ กรรมการพิเศษ พูดคุยกับทางกัมพูชา ตนเองก็ได้คุยกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาด้วย แต่ก็ยอมรับมีความลำบาก ซึ่งรัฐบาลเองก็ต้องพิจารณาออกมาตรการที่เด็ดขาด โดยภายในประเทศการเผาป่าเราไม่ยอม ซึ่งที่ผ่านมามีการจับแล้ว เพราะการเผาป่าถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่เราก็เข้าใจหลายๆเรื่องเป็นเรื่องเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ต้องพิจารณาเรื่องการทำภายในประเทศ 

นายกฯ กล่าวว่า แต่นอกประเทศอาจจะเป็นเรื่องการก้าวก่าย แต่ก็ต้องคุยกันทำอย่างไร ซึ่งอาจจะต้องถึงขั้นห้ามนำเข้าข้าวโพดในช่วงไฮซีซั่น 15 ม.ค.ถึงสิ้น เม.ย. คงต้องห้ามนำเข้า ขอให้รู้ว่าซีเรียสจริงๆในเรื่องนี้ แม้จะมีผลกระทบบ้างในราคาอาหารสัตว์ แต่หลายท่านก็เห็นสภาพและทิวทัศน์จังหวัดเชียงใหม่ ที่เคยเห็นแม่น้ำเขื่อนภูเขา วันนี้มองไม่เห็นเลย สภาพเศรษฐกิจลิงค์กับนโยบายท่องเที่ยว ถ้าเราไม่ดำเนินการคงลำบาก เศรษฐกิจเราจะลำบาก ฉะนั้นเรื่องเหล่านี้ต้องคิดนอกกรอบ และซีเรียสได้มากกว่านี้ แม้จะลดไปได้ 1 ใน 3 หรือ 2 ใน 3 ก็ตามที จะต้องทะเยอทะยานในการแก้ไขปัญหา อย่าพอใจผลงานที่ทำมา ขอให้กำลังใจทุกท่านที่ทำงาน ซึ่งหลายท่านพยายามเจรจาในการแก้ไขปัญหา หากต้องการอะไรตนยินดีช่วยเต็มที่ ขอฝากทุกท่านและขอบคุณนักวิชาการ ที่มาให้องค์ความรู้ ทำงานร่วมกับภาครัฐบาล

จากนั้นเวลา 11.20 น. นายโอตากะ มาซาโตะ (H.E. Mr. OHTAKA Masato) ว่าที่เอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย เข้าพบนายกฯ เพื่อพูดคุยเรื่องการให้ทุนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ Gistda พัฒนาเทคโนโลยีตรวจสอบจุดฮอตสปอต  ในการแก้ไขปัญหาไฟป่า

ก่อนขึ้นรถยนต์นายกฯ ชมการสาธิตการบินเฮลิคอปเตอร์ที่จะใช้ในภารกิจดับไฟป่า  ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) โดยเป็นเฮลิคอปเตอร์รุ่น KA 32 ซึ่งสามารถดูดน้ำได้ครั้งละ 3,000 ลิตร โดยขนาดนี้ที่จังหวัดเชียงใหม่มีเฮลิคอปเตอร์รุ่นดังกล่าวจำนวน 2 ลำ

ต่อมาเวลา 12.10 น. นายกฯ เดินทางมายังอาคารอเนกประสงค์ อุทยานแห่งชาติศรีลานนา ตำบลอินทขิล อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อพบปะและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเฝ้าระวังและดับไฟป่า และร่วมรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเฝ้าระวังและดับไฟป่า ขณะที่กลุ่มสตรีและกลุ่ม อสม. อำเภอแม่แตง เดินทางมาต้อนรับ 

โดยนายกฯ กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่วันนี้มาเยี่ยมเยียนพวกเราทุกคนที่ช่วยกันปฎิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง อดทน เพราะเราทราบกันอยู่ว่าปัญหา PM 2.5 เป็นปัญหาใหญ่ ถึงแม้ว่าในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาค่าPM2.5 จะสูงเป็นท็อปเท็นของโลก แต่ลดลงไปเมื่อเปรียบเทียบปีที่แล้ว 2 -3 เท่าตัว ก็ต้องขอขอบคุณทุกคนที่มีส่วนในการทำเรื่องนี้มา จากนั้นเจ้าหน้าที่มอบดอกไม้ให้กำลังใจ ก่อนนายกจะถ่ายภาพเซลฟี่ร่วมกับบรรดาเจ้าหน้าที่ ขณะที่พิธีกรในงานได้บอกว่าคนเชียงใหม่รักนายกฯ และเป็นนายกฯคนเดียวในตอนนี้ ก่อนที่นายกฯ จะร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน