วันที่ 21 มี.ค.2567 เวลา 14.20 น.ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯคนที่หนึ่ง  ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2567 วาระ2-3 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท เป็นวันที่สอง ได้เข้าสู่มาตรา19 งบประมาณกระทรวงพาณิชย์ กมธ.ตัดลดงบประมาณเหลือ 4,025,717,  700บาท  จากที่เสนอมา 4,064,154,500บาท

โดยนายกันต์พงษ์ ประยูรศักดิ์ สส.กทม.พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า เสนอตัดงบ 19.2ล้านบาท ของสถาบันระหว่างประเทศ ใน2 โครงการเกี่ยวกับการอบรม ได้แก่1.โครงการอบรมผู้บริหาร มูลค่า 17.32 ล้านบาท ให้ผู้บริหารเข้ามาร่วมอบรม 100คน 2.โครงการเทศกาลส่งเสริมผู้ประกอบการสู่เวทีโลก 25.286 ล้านบาท เป็นโครงการที่ใช้จ่ายสูงเกินไปหรือไม่ เพราะแพงเกินไป เช่นค่าอาหาร โดยเฉพาะอาหารว่าง มีมูลค่ากว่า 5.4 ล้านบาท ให้คน 1,800 คน ไม่แน่ใจจะหาคนมาอบรมตามจำนวนจริงหรือไม่

นายกันต์พงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนสถานที่จัดงานกำหนดไว้ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จากการตรวจสอบพบว่า หากจะจัดบูธ 300-500บูธ ราคาเฉลี่ยบูธละ 3,500บาท รวมแล้วไม่ถึง 17ล้านบาทตามที่ขอมา เต็มที่ไม่เกิน 8 ล้านบาท รวมถึงค่าทำโปรโมชั่นในสื่อออนไลน์ โครงการละ 2 ล้านบาท คุ้มค่าหรือไม่ เห็นว่ามีความผิดปกติ รวมถึงกลุ่มเป้าหมายที่ขอมา อาจไม่ตรงเป้าหมายที่ระบุจะไปผู้ประกอบการรายย่อย 

ต่อมาพิจารณามาตรา 20 งบประมาณกระทรวงมหาดไทย ที่กมธ.ตัดลดงบประมาณเหลือ 290,098,048,900บาท จากที่เสนอมา 291,535,042,000บาท มีสส.ให้ความสนใจอภิปรายจำนวนมาก โดยนายนิติพล ผิวเหมาะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกมธ. อภิปรายให้ตัดงบประมาณกรมโยธาธิการและผังเมือง 29,332,000 บาท จากโครงการกำแพงกันคลื่น 6 โครงการ เนื่องจากเป็นงบประมาณที่ไม่มีความชัดเจน สนับสนุนวงจรทำลายชายหาดประเทศ เกิดความเสียหายต่อชายหาดประเทศไทยจำนวนมาก ได้ขอเอกสารโครงการดังกล่าวจากกรมโยธาธิการและผังเมืองไปเมื่อวันที่ 13 ก.พ.2567 เพื่อขอดูรายละเอียด 6โครงการ แต่กว่าจะได้รับเอกสารคือวันที่ 13 มี.ค.2567 ที่หมดเวลาพิจารณางบประมาณไปแล้ว ทำให้ไม่สามารถท้วงติงในชั้นกมธ.ได้ จึงขอฝากเพื่อนสมาชิกให้ตัดงบที่ไม่มีความชัดเจนดังกล่าว

นายอิทธิพล ชลธราศิริ สส.ขอนแก่น พรรคก้าวไกล อภิปรายตัดงบกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)142.3ล้านบาท ในส่วนการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ดับเพลิง KA-32 จำนวน 1ลำ มูลค่า 949ล้านบาท ที่ตั้งงบรายจ่ายปี2567ไว้ 142.3ล้านบาท และผูกพันงบประมาณปี2568 อีก 806ล้านบาท แม้จำเป็นต้องมีเฮลิคอปเตอร์ดับเพลิงอาคารสูง ควบคุมไฟป่า และบรรเทาสาธารณภัยต่างๆ แต่ต้องปรับลดงบดังกล่าว เพราะ1.ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนที่ต้องซื้อในเวลานี้ ปัจจุบัน ปภ.มีเฮลิคอปเตอร์รุ่นเดียวกัน 4ลำ แต่ใช้งานตั้งแต่ปี2563 -2567แค่ 25ภารกิจ เฉลี่ยบินปีละ 5ภารกิจ เป็นภารกิจดับไฟ ช่วยเหลือประชาชน 20ภารกิจ ล่าสุดเพิ่งไปโชว์ภารกิจดูดน้ำดับไฟป่าให้นายกฯดูที่จ.เชียงใหม่  2.ราคาแพง

นายอิทธิพล กล่าวต่อว่า การจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ 4ลำก่อนหน้านี้ ราคาจัดซื้อในต่างประเทศไม่ถึงลำละ 500ล้านบาท รวมอุปกรณ์ดับเพลิง แต่ปภ.จัดซื้อราคาลำละ 949ล้านบาท ตอนที่สส.ฝ่ายรัฐบาลเป็นฝ่ายค้านเคยคัดค้านการจัดซื้อดังกล่าว ขอให้แสดงจุดยืนเหมือน เดิม 3.การปฏิบัติภารกิจไม่ทันท่วงที ไม่เคยเห็นการดับไฟในอาคารสูงแม้แต่ครั้งเดียว ทั้ง 4ลำ ไม่มีที่จอด ต้องอาศัยศูนย์กลางการบินกองทัพบก จ.ลพบุรี เป็นที่จอด และปภ.ไม่มีนักบินของตัวเอง ต้องยืมนักบินกองทัพบก ถ้าเกิดไฟไหม้ตึกสูงที่กทม. ต้องใช้เวลาบินจากลพบุรีมากทม.45นาที และหาแหล่งน้ำดิบมาเติม จะทำภารกิจทันท่วงทีได้อย่างไร 4.การดับไฟป่าไม่ใช่ภารกิจหลักปภ. เป็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มีเฮลิคอปเตอร์ดับไฟป่าอยู่แล้ว

“การจัดซื้อครั้งนี้ ผู้เสนอราคาแค่รายเดียว เป็นรายเดิม ผิดปกติหรือไม่ ทราบว่าปี 2568 ปภ.จะตั้งงบซื้อเฮลิคอปเตอร์รุ่นนี้อีก 2 ลำ ไม่รู้มีอะไรหอมหวาน การจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ดังกล่าวถูกคณะอนุกรรมาธิการงบประมาณรายจ่ายปี 2567 ตัดงบทิ้งไปแล้ว แต่กลับมาคืนงบประมาณจัดซื้อให้ใหม่ในชั้นกมธ.ชุดใหญ่” นายอิทธิพล กล่าว