สำหรับการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่แห่งการเติบโตที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม พร้อมผลิตภัณฑ์ใหม่ที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการพัฒนาของสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส ผ่านกลยุทธ์หลักด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล และการมีส่วนร่วมของพนักงานเป็นหลัก เพื่อขยายฝูงบิน และตลาดไปทั่วโลก

สร้างความเป็นเลิศด้านการบริการ

ในเรื่องนี้ นายบาดร์ โมฮัมเหม็ด อัล-เมียร์ ประธานเจ้าหน้ากลุ่มสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส กล่าวว่า การพัฒนาครั้งสําคัญครั้งนี้  เป็นการบริหารสู่ความเป็นเลิศโดยมีนวัตกรรมเป็นเสาหลัก ซึ่งจะเห็นได้จากผลิตภัณฑ์และบริการใหม่รวมไปถึงการเปิดตัวห้องโดยสารชั้นหนึ่งรูปแบบใหม่ในฝูงบินบางส่วน เพื่อเสริมสร้างความเป็นเลิศด้านการบริการระดับโลกและกระตุ้นการเติบโตของกลุ่มธุรกิจ โดยมุ่งพัฒนาห้องโดยสารชั้นหนึ่งรูปแบบใหม่ที่มีความเป็นเอกลักษณ์และคุณภาพที่ไม่มีที่ติ  โดยมีการผสมผสานรวมประสบการณ์การบินจากทั้งเครื่องบินพาณิชย์และเครื่องบินส่วนตัวเข้าด้วยกันเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ ซึ่งเวลานี้อยู่ในขั้นตอนการเลือกสี มีความพร้อมประมาณ 70-80 % และคาดว่าจะสามารถประกาศการเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการได้ในไม่ช้า

โดย นาย บาดร์ อัล-เมียร์ กล่าวว่า กาตาร์ แอร์เวย์ส กำลังจะเปิดตัวการออกแบบใหม่ของ Qsuite ระดับพรีเมียมในงาน Farnborough International Airshow ในเดือนกรกฎาคม 2567 ซึ่ง Qsuite เป็นห้องโดยสารชั้นธุรกิจของสายการบินที่ได้รับรางวัลมากมาย ถือเป็นตัวกำหนดมาตรฐานในอุตสาหกรรมนับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2560

 

นอกจากนี้ ยังระบุถึงภูมิทัศน์การบินที่มีการแข่งขันสูงในภูมิภาค GCC ว่าเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าโดยรวม  พร้อมเน้นย้ำถึงความพร้อมในการรับมือกับความท้าทายจากคู่แข่งที่มีศักยภาพในอนาคต ด้วยความมั่นใจว่า กาตาร์ แอร์เวย์ส จะสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดและโดดเด่นเหนือคู่แข่งอื่น ๆ

ส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานที่ดี

อย่างไรก็ตาม นาย บาดร์ อัล-เมียร์ กล่าวว่า นวัตกรรมดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างประสิทธิภาพขององค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสายการบินกำลังขยายเส้นทางใหม่ไปยังจุดหมายปลายทางที่มีการเติบโตสูง เช่น จีนและอินเดีย ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้เป็นการเสริมสร้างบทบาทของกาตาร์ในฐานะประตูสู่โลกอย่างแท้จริง

ซึ่งในฤดูร้อนนี้ กาตาร์ แอร์เวย์ส วางแผนที่จะเปิดเส้นทางใหม่หลายเส้นทาง เพิ่มจุดหมายปลายทางที่ให้บริการทั้งหมดเป็นกว่า 170 แห่ง โดยจุดหมายปลายทางใหม่ที่โดดเด่นอย่าง ฮัมบูร์ก ลิสบอน ทาชเคนต์ และเวนิส นอกจากนี้ จะกลับมาให้บริการในเส้นทางยอดนิยมอย่าง อาดานา อันตัลยา โบดรัม มาร์ราคิช มิโคนอส ซาราเยโว และแทรบซอน อีกครั้งในช่วงฤดูร้อน

ทั้งนี้ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อผู้โดยสารและพนักงานมากกว่า 60,000 คนทั่วโลก พร้อมเน้นย้ำถึงความสําคัญของการสร้างความไว้วางใจและส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานที่ดีผ่านการใช้นวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ส่งผลให้พนักงานมีความพึงพอใจและมีความมั่นใจต่อการบริหาร จึงน่าจะรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดและโดดเด่นเหนือคู่แข่งอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี