สมรภูมิเชียงใหม่ลุกเป็นไฟ! กับจังหวะประชันบารมีแข่งรัศมีกันระหว่าง “สิงห์หนุ่ม”พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กับ “เสือเฒ่า”ทักษิณ ชินวัตร  

ด้วยจุดตัดการเมือง ที่ต้องยืนกันอยู่คนละขั้ว เป็นหมากบังคับให้ต้อง “ไสช้างมาชนกัน”!!

หนึ่ง พลาดหวังบัลลังก์นายกรัฐมนตรี เพราะ “ดีลพิเศษ” ทำพิษ!! สถานการณ์พลิกผัน “คอพาดเขียง” พรรคจ่อถูกยุบ ถูกตัดสิทธิในฐานะกรรมการบริหารพรรค  และอาจถูกชี้ขาดให้ผิดจริยธรรมร้ายแรง โทษหนักถึงเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตลอดชีวิต

หนึ่ง ผู้ท้าทายแรงเสียดทานของสังคม ด้วยมาตรฐาน VVIP ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ สู่บ้านจันทร์ส่องหล้า ตามดีล “กลับบ้านอย่างเท่ๆ”  แม้จะมีคดีมาตรา 112 ที่อยู่ในชั้นของอัยการสูงสุด เป็น “ชนักปักหลัง” สกัด “เบี้ยวดีล”  และอีด 2 คดีในปปช. พร้อมเดิมพันสูงปูทาง น้องสาวกลับบ้าน ดันลูกสาวเป็นนายกฯ!!

อีเวนต์แรกส่งสัญญาณ “คัมแบ็ก” สนามการเมืองอย่างเป็นทางการ ระหว่างการพักโทษของ “เสือเฒ่า” ไม่ใช่เพียงรวมวงศาคณาญาติไปกราบไหว้สุสานบรรพบุรุษตระกูล “ชินวัตร” หากแต่ยังเป็น “ปฏิบัติการทวงคืนพื้นที่” เมืองหลวงของพรรคเพื่อไทย

ด้วยในการเลือกตั้งเดือนพฤษภาคม 2566 เชียงใหม่เมืองหลวงของพรรคเพื่อไทยถูก “ตีแตก” ถูก “ก้าวไกล” เกือบแลนด์สไลด์ยกจังหวัด พื้นที่สีส้มเกินครึ่ง โดยได้สส. 7 ที่นั่ง จากทั้งหมด 10 ที่นั่ง

ที่สำคัญคือ การเลือกตั้งท้องถิ่น ฐานเสียงสำคัญของการเมืองสนามใหญ่ คือ เลือกตั้งนายกอบจ. ที่ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ต้องออกแรงร่อนจดหมายน้อยขอเสียงชาวเชียงใหม่ ของอดีตนายกฯ 3 คน ถึงเอาอยู่

ฉะนั้น เมื่อพิศดูฉากการเมือง ที่ “สิงห์หนุ่ม” ห้าวหาญปาดหน้าเข้าไปขโมยซีนแย่งชิงมวลชน เปลี่ยนโปรแกรมจากภารกิจที่จ.เชียงราย เพื่อแก้ไขปัญาหา PM2.5 ไปเชียงใหม่ลุยเข้าร่วมปฏิบัติการดับไฟป่า กับกลุ่มของ “บก.ลายจุด” สมบัติ บุญงามอนงค์  โดยให้เหตุผลว่าที่เชียงรายไฟป่าดับแล้ว

มองเผินๆ อาจเป็น “ดราม่า” แย่งงาน “นายกฯนิด”เศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ก็มีการเปรียบเทียบภาพที่ “พิธา”ลงพื้นที่ดับไฟป่า กับ “นายกฯนิด”ที่ขี่จักรยาน

หากแต่พิเคราะห์อย่างสังเคราะห์ “พิธา” กำลัง“ปฏิบัติการชิงมวลชน” จาก “ทักษิณ” เรียกว่า “บุกถ้ำเสือ”

ในสถานการณ์ที่ “ทักษิณ” เองก็ถูกแรงเสียดทานอย่างหนัก จากการหักดิบ “ดีลข้ามขั้ว” ที่อีเวนต์สัญจรไปเชียงใหม่ คาดหมายว่าจะได้เห็นพลังของมวลชนคนเสื้อแดงแห่แหนไปต้อนรับอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้

“สิ่งที่คาดหวังไว้คือ อารมณ์สังคมจะเต็มไปด้วยการต้อนรับทักษิณที่เชียงใหม่ แต่เมื่อตั้งรัฐบาลตระบัดสัตย์รอบวงแล้ว สิ่งที่เห็นกลับมีแต่กองทัพสื่อมวลชนรอต้อนรับเพื่อทำข่าวบันทึกภาพเท่านั้น ส่วนคนเสื้อแดงถือว่า มาต้อนรับน้อยมากที่สุด

สะท้อนว่า ความศรัทธาไม่ได้ผูกขาดไว้กับใคร แต่ความศรัทธาจะสิ้นศรัทธาเมื่อเกิดวิกฤตศรัทธา เพราะความเชื่อได้ถูกทำลายไปหมดสิ้น ดังนั้นสิ่งที่เห็นชัดเจนจากภาพต้อนรับทักษิณที่เชียงใหม่ แสดงถึงอารมณ์ประชาชนได้ถดถอยอย่างน่าตกใจ ซึ่งเป็นเพราะจุดยืนทางการเมืองเสียหาย”จตุพร พรหมพันธุ์ ระบุ

อย่างไรก็ตาม อาจสรุปง่ายและสรุปเร็วเกินไป…

หากฟังจาก ประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)  แกนนำพรรคเพื่อไทย ออกมาบอกว่า ประชาชนจังหวัดนครราชสีมา ต้องการให้นายทักษิณเดินทางไปเยี่ยมเช่นเดียวกัน ถ้ามีโอกาส ประชาชนชาวนครราชสีมา ก็เรียกร้องให้นายทักษิณ เดินทางไปพบ ซึ่งก็ต้องแล้วแต่นายทักษิณ

กระนั้น จากสมรภูมิเชียงใหม่ ก็อาจได้เห็น “เสือเฒ่า” บุกไปในจังหวัดต่างๆ ด้วยหรือไม่ ขณะเดียวกันก็ต้องคอยจับตาด้วยว่า  “สิงห์หนุ่ม” คงไม่อาจอยู่เฉยได้ จักต้องพลิกกลยุทธ์ช่วงชิงพื้นที่ จะด้วยกลวิธีใด ที่ต้องบดขยี้กันในพื้นที่ทับซ้อน ท่ามกลางสัญญาณแปร่งแปลกทางการเมือง ที่เขม็งเกลียว