DSI ยันการส่งสำนวนสืบสวน กรณีการร้องขอให้โอนคดีฟอกเงิน BNK Masterของสน.เตาปูน เป็นคดีพิเศษ ให้ ป.ป.ช. พิจารณาเป็นไปตาม กม.

วันที่ 7 เม.ย. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ออกเอกสารประชาสัมพันธ์ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2567 ชี้แจงเรื่องการส่งคำร้องให้โอนคดีฟอกเงินเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ BNK Master ซึ่งเป็นคดีอาญาสถานีตำรวจนครบาลเตาปูน ที่ 391/2566 มาดำเนินการสืบสวนและสอบสวนตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ซึ่งได้ชี้แจงเหตุผลตามกฎหมายโดยละเอียดแล้ว นั้น
                
ต่อมา เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2567 ได้มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอผ่านระบบอินเตอร์เน็ต รายการหนึ่ง โดยเนื้อหาตอนหนึ่งเกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญาของพนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีการกล่าวพาดพิงกรมสอบสวนคดีพิเศษถึงสาเหตุในการส่งสำนวนการสืบสวนดังกล่าวไปยังสำนักงาน ป.ป.ช. ในทำนองว่าเป็นกลไกเพื่อช่วยเหลือบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีดังกล่าวให้ยืดเวลาในการถูกดำเนินคดี เนื่องจากหากสำนักงาน ป.ป.ช. ส่งเรื่องกลับมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็จะเริ่มการสอบสวนใหม่ทั้งหมด ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการนานและกล่าวหาว่าคดีในความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษสามารถ “วิ่ง”ได้ รวมทั้งมีการนำเสนอข่าวของบางสำนักข่าวว่าหมดทางที่ผู้เกี่ยวข้องในคดีอาญาของสถานีตำรวจนครบาลเตาปูนดังกล่าวที่จะให้มาอยู่ในความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ   
                   
กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงขอประชาสัมพันธ์ชี้แจงหลักกฎหมายและขั้นตอนการปฏิบัติตามกฎหมายอีกครั้งว่าคดีใดจะเป็นคดีพิเศษหรือไม่ เป็นเรื่องข้อกฎหมายไม่ใช่เป็นไปตามความรู้สึกหรือความต้องการส่วนบุคคลและกรณีที่เป็นคดีพิเศษแล้ว กรมสอบสวนคดีพิเศษจะต้องรับโอนสำนวนการสอบสวนและพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาเป็นส่วนหนึ่งของสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 มาตรา 22 วรรคท้าย โดยจะต้องมีการประชุมร่วมกันระหว่างพนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ตามข้อบังคับคณะกรรมการคดีพิเศษ ว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ในคดีพิเศษระหว่างหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง พ.ศ. 2547 ข้อ 6 เพื่อทราบว่ามีการดำเนินการสิ่งใดไปแล้ว และเพื่อให้เกิดการประสานงานระหว่างกัน รวมทั้งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษอาจร้องขอให้พนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ช่วยเหลือในการสืบสวนหรือการสอบสวนต่อไปได้ ตามข้อ 7 แห่งข้อบังคับคณะกรรมการคดีพิเศษดังกล่าว มิใช่ต้องเริ่มกระบวนการสืบสวนสอบสวนใหม่ทั้งหมด นอกจากนี้การกล่าวหาว่าคดีในความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษสามารถ “วิ่ง”ได้ ทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิดว่าการดำเนินคดีอาญาของ  กรมสอบสวนคดีพิเศษไม่มีความโปร่งใส ซึ่งตลอด 20 ปี ที่ผ่านมา กรมสอบสวนคดีพิเศษมีผลการสืบสวนและสอบสวนคดีอาญาเป็นที่ประจักษ์ สามารถปกป้องและรักษาผลประโยชน์ให้กับรัฐเป็นจำนวนหลายแสนล้านบาท  แม้กรมสอบสวนคดีพิเศษจะเป็นหน่วยงานของรัฐที่ประชาชนสามารถวิจารณ์ติชมการปฏิบัติงานได้ แต่ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงและให้เกียรติหน่วยงานและบุคลากรที่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ทั้งนี้ หากบุคคลใดมีข้อเท็จจริงพยานหลักฐานว่าเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษรายใดกระทำความผิดทางวินัยหรือทางอาญา สามารถยื่นเรื่องร้องเรียน เป็นหนังสือลับ ถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้โดยตรง โดยระบุที่ตั้ง กรมสอบสวนคดีพิเศษ เลขที่ 128 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210. หรือร้องเรียนผ่านเว็บไซต์ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ www.dsi.go.th ในส่วนการร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ ก็สามารถกระทำได้ โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษจะดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย