เป็นอีกเรื่องราวที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล เมื่อ เพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 7 ออกมาโพสต์ภาพพร้อมแชร์เรื่องราวของเจ้าของบ้านรายหนึ่งว่า  ใส่สบงแล้วทรงขอค่าเจิมบ้านวัดแถวคลอง 6 ลำลูกกา...ฝากเป็นวิทยาทานให้สังคมด้วยครับ

อาชีพพระ หรือ พระอาชีพ?


ตอนแรกว่าจะ "ปล่อยผ่าน" แต่พอมาคิดดูอีกที ก็อยากให้เป็นวิทยาทานกับสังคมเกี่ยวพฤติกรรมของ "พระ" บางรูป หรือ "บางคน" ที่อาศัยผ้าเหลืองเป็น "อาชีพ"

- ขอย้อนความนิดนึง เราได้ฤกษ์การจัดงานบุญขึ้นบ้านใหม่จากหลวงลุงที่เราศรัทธา โดยฤกษ์คือวันที่ 6 เม.ย. โดยตั้งใจจะนิมนต์หลวงลุงและพระที่วัด แต่ทางวัดมีจัดงานบวชสามเณร เราจึงเกรงใจทางวัด และคิดว่าจะนิมนต์พระจากวัดใกล้ๆบ้าน

- เราจัดงานทำบุญบ้าน โดยวัดที่เลือกเป็นวัดใกล้บ้าน เพื่อความสะดวกในการรับ-ส่งพระ ซึ่งก่อนถึงวันงาน ได้เข้าไปที่วัด และได้สอบถามเจ้าอาวาส แต่ก็ได้ฟังบางคำพูดที่ทำให้รู้สึกไม่ดี เช่น

1.จัดงานยังไง จัดเองหรือจ้างอีเวนท์จัด และกับข้าวพระจะจัดเป็นกล่องๆ (เบนโตะเซ็ท) หรือจัดเป็นจานๆ "พระกินข้าวมื้อเดียว ถ้าให้น้อยพระก็ไม่อิ่ม" จากคำพูดนี้ เราพอเข้าใจ

2.ซองปัจจัย "ถ้าใส่เยอะ พระก็ยิ้ม แต่ถ้าใส่น้อย พระก็ร้องไห้" พอได้ฟังประโยคนี้ เราอยากกลับบ้านทันที แต่ก็คิดว่า ไม่เป็นไรหรอก เพราะใจเราอยากนิมนต์พระลูกวัดรูปหนึ่งที่เคยเป็นพระพี่เลี้ยง สมัยเรามาบวชช่วงสั้นๆ แต่มารู้ตอนหลังว่า ท่านได้มรณภาพแล้ว

3.หลังจากได้ฟังคำพูดเบื้องต้น ใจหนึ่งก็อยากเปลี่ยนวัด แต่อีกใจก็มองว่า ช่วงใกล้สงกรานต์กลัวจะไม่มีพระ (เรื่องนี้เราขาดประสบการณ์เอง และต้องการที่เตรียมงานให้เสร็จ เพราะงานเราเองก็ยุ่งมากๆ)

- ต่อมาเมื่อวันงาน ทางร้านที่เราจ้างมาก็มาจัดเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างไว้เรียบร้อย (ร้านนี้จัดงานดี บริการดี และอาหารอร่อยด้วย) และเราก็เปิดแอร์ห้องด้านที่จัดงานไว้ตั้งแต่ 8 โมงเช้า เนื่องจากอากาศวันนั้นร้อนมากๆ

- พอเข้าสู่พิธีการ การดำเนินการไปตามปกติ ซึ่งเดิมเราใส่ปัจจัยที่จะถวายให้ในจำนวนหนึ่ง แต่พอได้ฟังพระสวดให้พร ก็รู้สึกดี และได้ให้พี่สาวเพิ่มจำนวนปัจจัยแต่ละซองอีกเล็กน้อย

- แต่สิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น หลังพระทำพิธีการเสร็จ ก็มีพระรูปหนึ่ง เป็นพระอาวุโสในวัดนี้ พูดเสียงดังต่อหน้าแขกที่อยู่ด้านในบ้านว่า "ถ้าจัดงานแบบนี้ ร้อนอบอ้าว ไปจัดกลางทุ่งนาดีกว่า อึดอัด" แค่นั้นยังไม่พอ หลังเดินออกมาตรงด้านหน้าบ้าน ซึ่งมีแขกมากกว่า 20 คน พระรูปเดิมก็พูดในลักษณะแบบเดียวกัน ก่อนจะเดินขึ้นรถตู้ไป

- จากคำพูดของรูปนั้น เราก็ไม่อยากจะคิดอะไรมาก แค่รู้สึกว่า ทำไมต้องพูดแบบนี้วะ

- แต่มีสิ่งที่แย่กว่านั้น คือ การเจิมบ้าน โดยพระที่เจิม เป็นพระมหา ซึ่งตอนแรกก็เจิมให้ปกติ แต่พอจังหวะที่จะต้องพรมน้ำมนต์ภายในบ้าน ช่วงที่ขึ้นไปชั้นสองของบ้าน พระมหารูปนี้ บอกกับเราว่า "ขอค่าธรรมเนียมเจิมบ้าน 1000 บาท" พอได้ยินเราก็ทำเฉยๆใส่ ไม่สนใจ

แต่พระมหารูปนี้ไม่หยุด โดยช่วงที่ไปพรมน้ำมนต์ภายในห้องพระเรา ก็พูดประโยคเดิมซ้ำอีกถึง 2 รอบ (ขอค่าธรรมเนียม 3 รอบ 55555) เราคิดเลยว่า ถ้ากล้าขอขนาดนี้ กูให้ก็ได้ แต่ "วัดนี้กับกูเลิกกัน"

ปล.เรื่องที่นำมาเล่า ใครที่ฟังหรืออ่านแล้ว จะมองว่าหรือด่าเราเป็นแบบไหนก็ได้นะ แต่ที่เราให้เงินพระไป เพราะว่า งานบุญบ้านเรา เราไม่อยากให้มีอะไรมาสะดุด ซึ่งตอนแรกก็อยากจะปล่อยผ่าน แต่พอคิดแล้วคิดอีก ก็ขอเอาเรื่องนี้มาเผยแพร่เป็นวิทยาทาน หรือมุมมองสังคม หากใครจะมีความเห็นอย่างไรก็แล้วแต่ท่านจะคิดและมองครับ

 

ขอบคุณ  เพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 7