วันที่ 11 เม.ย. 67 เวลา 10.15 น. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขามูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ พร้อมกับ น.ส.พิมพ์วิไล เดินทางมายัง สน.เตาปูน เพื่อยื่นคำให้การเพิ่มเติม เป็นหนังสือลายลักษณ์อักษร หลังจากสอบคำให้การครั้งก่อน เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่ผ่านมา ไม่ละเอียด และไม่ครบถ้วน ทำให้ไม่เชื่อมั่นในการทำงาน

ทนายตั้ม ระบุว่า ครั้งที่แล้วตนพาสายลับและ น.ส.พิมพ์วิไลมาให้การเพิ่มเติม แต่ทางพนักงานสอบสวนจดบันทึกข้อความไม่ครบถ้วน โดยรายละเอียดของคำให้การวันนี้เป็นของน.ส.พิมพ์วิไล เริ่มตั้งแต่ โอนเงินเข้าบัญชีไหน กี่ครั้ง และหลักฐานว่าโอนไปยัง ตำรวจ สอท.  โดยได้นำเอกสารคำให้การมาเพิ่ม จำนวน 9 แผ่น จากเดิมที่พนักงานสอบสวนบันทึกไว้เพียง 1 หน้า ส่วนสายลับ ตนพามายื่นคำให้การเมื่อวาน เวลาประมาณ 8:30  น. เป็นการบอกรายละเอียดตั้งแต่ต้น ว่าเข้าไปทำงานกับชุดเก็บส่วยได้อย่างไร รวบรวมส่วยส่งใคร และมีการจ่ายเงินในห้องหนึ่ง ที่ตึก สอท. หลังจากนั้นยังเห็นว่า ดาบยาว และรองฟาง เอาเงินไปที่ห้องหนึ่งที่มี ผบ.ตร. อยู่ แต่ไม่ทราบว่าภายในห้องทำอะไรกัน

ส่วนที่ตนไปยื่นเอกสารให้กับคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) ทางพล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร มีมติเอกฉันท์ในการรับเรื่องที่ตนร้องเรียนไว้พิจารณาแล้ว ถ้าพบมีความผิดจริงจะมีการไล่ออก หรือปลดออกไว้ก่อน และในส่วนของมีบุคคลหนึ่งไปร้องเรียน พล.ต.ท.เรวัช ว่าทำงานไม่เป็นกลาง ตนรู้มาว่าบุคคลนั้นอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และอาจจะทำไปเพื่อดิสเครดิตพล.ต.ท.เรวัชก็ได้ 

ส่วนวานนี้ ที่ตนพาพยานและนำหลักฐานไปยื่นให้กับทางคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ที่ทางนายเศรษฐา ทวีสิน ตั้งขึ้น และได้เจอ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ด้วย ซึ่งตนรู้อยู่แล้วว่าผลจะเป็นอย่างไร และคาดว่าคณะกรรมการฯชุดนี้จะดึงเรื่องออกไปก่อน ซึ่งคณะกรรมการฯมีอำนาจในตรวจสอบเอกสาร ถ้าคิดว่าเอกสารตนยื่นไม่จริงก็ไปดึงเอกสารตัวจริงมา ถ้าดึงมาแล้วไม่ตรงกัน เท่ากับตนยื่นเอกสารเท็จ สามารถดำเนินคดีได้เลย 

และวันนี้ในช่วงบ่าย ตนได้ประสานกับทาง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางไว้แล้ว ว่าจะเข้าไปสอบถามความคืบหน้าของคดี ที่ตนเคยร้องเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ว่าขณะนี้มีอะไรคืบหน้าไปแล้วบ้าง 

ทั้งนี้ทนายตั้มยังระบุอีกว่า ขณะนี้กำลังรวบรวมข้อมูลส่วยลำดับที่ 19 และจะออกมาเปิดหลังสงกรานต์