วันนี้ (11 เม.ย. 67) เวลา 10.00 น. ที่สโมสรราชพฤกษ์ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ จะเข้าให้ข้อมูลกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่แต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ตรวจสอบ ความขัดแย้งในเรื่องบุคลากร ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามหนังสือเชิญเข้าให้ชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการ


นายอัจฉริยะ กล่าวว่า วันนี้ตนได้ถูกเชิญจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จและข้อกฎหมายที่นายกรัฐมนตรีจัดตั้งขึ้น โดยเข้ามาให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีของความขัดแย้งระหว่าง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ในฐานะที่ตนเป็นผู้รู้ข้อเท็จจริงทั้งหมด ทั้งนี้ตนได้นำวัตถุพยานและหลักฐานทั้งการทุจริตของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อาทิเช่น การซื้อขายทองคำจำนวน 16,000 บาท การซื้อขายพระที่อ้างค่านายหน้า และปืนจำนวน 200 กระบอก รวมถึงหลักฐานเส้นทางการเงินของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กับภรรยา ที่ถูกกล่าวหาโดยทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด 


ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ที่ตนไม่เคลื่อนไหวอะไร เพราะอยากให้ทนายตั้มใช้สิทธิ์ได้เต็มที่ ซึ่งรายละเอียดที่ทนายตั้มได้นำมายื่นเป็นเอกสารชุดเดียวกับที่ได้มาจากตำรวจนายหนึ่งในภูธรภาค 9 และเอกสารที่แสดงถึงเส้นทางการเงินของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล กับภรรยา นั้นเป็นความเท็จทั้งสิ้น โดยมีเอกสารยืนยันจากธนาคารถึงบัญชีของทั้ง 2 ว่าไม่มีหน่วยงานรัฐใดที่เข้าถึงข้อมูลของธนาคารตั้งแต่ปี 2562 โดยมีทั้งธนาคารกสิกรไทยและธนาคารกรุงศรีอยุธยา ดังนั้นที่ทนายตั้มนำมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนถือว่ามีความน่าสงสัยว่าได้เส้นทางการเงินมาจากบุคคลใด กระทำขึ้นมาเองหรือไม่ ซึ่งนี่คือหลักฐานยืนยันที่สำคัญในทางนิติวิทยาศาสตร์ของธนาคารทั้ง 2 บัญชีที่ถูกกล่าวอ้าง 


นอกจากนี้ ถ้าหากข้อมูลจากธนาคารหลุดออกไปจริง ธนาคารต้องเป็นผู้รับผิดชอบว่าเกิดการรั่วไหลของข้อมูลออกไปได้อย่างไร แต่ตนเชื่อว่าทั้ง 2 ธนาคารคงไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะต้องถูกตรวจสอบอย่างละเอียด เนื่องจากเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ทั้ง PDPA และกฎหมายละเมิดสิทธิ 


นายอัจฉริยะ  ยังกล่าวอีกว่า ทนายตั้มนั้นด้อยค่าการทำงานของคณะกรรมการที่นายกฯ จัดตั้งขึ้น แต่กลับพอใจกับคณะกรรมการของ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร มากกว่า ซึ่งตนมองว่าไม่มีความเป็นกลาง