"ประชาธิปัตย์" ตั้งกรรมการสอบ "อดีตผู้สมัครส.ส.หญิง" หลังมีข่าวอื้อฉาวสัมพันธ์กับพระ ขอเวลา 3 วัน หากพบกระทำผิดจริงขับพ้นพรรค ด้านคนสนิทสามีนักการเมืองหญิงแฉยับเบื้องสัมพันธ์ลึกพระ-นักการเมืองหญิง มโนเนื้อคู่กัน ขณะที่ ผอ.สำนักพุทธ เผยพระลาสิกขานานแล้ว  ไม่สามารถดำเนินการได้แล้ว

     จากเหตุการณ์อื้อฉาวสะเทือนวงการสงฆ์และวงการการเมือง กรณีที่เพจเฟซบุ๊กชื่อดัง โพสต์คลิป สามีตามจับชู้คาบ้านพัก โดยนางป ภรรยาเป็นอดีตนักการเมือง และแม่ของดารานักแสดงรายหนึ่ง โดยระบุกำลังมีความสัมพันธ์กับพระหนุ่มที่รับเป็นลูกบุญธรรม พร้อมถ่ายคลิปพระหนุ่มขณะกำลังนอนเปลือยกายอยู่กับนาง ป ภรรยา  บนเตียงนอน ไว้เป็นหลักฐาน  หลังจากนั้นนาง ป พยายามแก้ตัวว่าพระหนุ่มมานอนค้างที่บ้าน แล้วเข้ามาคุยกันในห้องก่อนจะเข้าไปอาบน้ำ ไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวนั้น

     ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 เม.ย.67  นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว จากการตรวจสอบพบว่าพระรูปดังกล่าวลาสิกขาไปตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค.แล้ว โดยเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนก.พ. แต่เพิ่งมาเป็นข่าวเมื่อวานนี้ ส่วนทางสำนักพุทธจะดำเนินการอย่างไรได้บ้างนั้น ตอนนี้เขาได้สึกจากการเป็นพระไปแล้ว จึงขึ้นอยู่กับผู้เสียหายว่าจะดำเนินคดีหรือไม่ แต่ในส่วนขั้นตอนของพระไม่สามารถดำเนินการได้แล้ว 

     นายอินทพร  กล่าวว่า ไม่มีความชัดเจนว่าพระรูปนี้เป็นเจ้าอาวาสหรือไม่ และไม่มั่นใจว่าเป็นประธานที่พักสงฆ์หรือไม่ แต่ไม่น่าจะใช่เจ้าอาวาส เพราะพระรูปนี้มาอยู่ที่วัดไร่อ้อย ซึ่งทางวัดไร่อ้อยนั้นก็มีเจ้าอาวาสอยู่แล้ว ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีชุมก็ไม่น่าใช่ ทั้งนี้พบว่าพระรูปนี้บวชที่จ.เชียงใหม่ และมาจำวัดอยู่ที่จ.อุตรดิตถ์ 

 รายงานข่าวแจ้งว่า คนสนิทของนักการเมืองหญิงและสามีได้ออกมาเปิดเผยว่า รู้จักกับทั้งคู่ตั้งแต่ก่อนที่จะหมั้นกันแล้ว โดยปกติแล้วฝ่ายชายเป็นคนกรุงเทพฯ มีหน้ามีตาในสังคม ส่วนฝ่ายหญิงมีหน้ามีตาอยู่ในจังหวัดทางภาคเหนือ ทั้งคู่เจอกันภายในงานพิธีแห่งหนึ่งที่วัด จากนั้นจึงได้มีการคุยกันเรื่อยมา และได้หมั้นกันเมื่อปี 2565 ตนก็ได้ร่วมงานหมั้นนั้นด้วย

     หลังจากนั้น ฝ่ายหญิงก็มีปัญหาเรื่องเงินมาตลอด มักจะให้ฝ่ายชายหาเงินมาให้ แต่ไม่เคยพอสักที ถึงขั้นฝ่ายชายไปกู้หนี้นอกระบบ ขายบ้าน ขายรถหลักล้าน ซึ่งฝ่ายชายรักผู้หญิงมาก เพราะคิดว่าในเมื่อเป็นคู่ชีวิตกันแล้ว เราก็ต้องช่วยเหลือกัน ก่อนที่ฝ่ายชายจะจับได้ได้ว่าภรรยามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระมหารูปนี้ คือก่อนหน้านี้ฝ่ายหญิงรู้จักกับพระรูปนี้มาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เพราะว่าเคยเป็นเจ้าอาวาสที่วัดแห่งหนึ่ง แต่ก็ห่างหายกันไปประมาณ 2-3 ปี กระทั่งมีหมอดูคนสนิทของผู้หญิงทักมาว่า ให้ไปตามพระรูปนี้กลับมา ก็เลยทำให้ทั้งคู่ได้กลับมาติดต่อกันอีกครั้ง
   
  โดยเมื่อช่วงต้นเดือน ก.พ. พระรูปนี้ได้มาทำพิธีที่บ้านของฝ่ายหญิง โดยในพิธีนั้นมีสามีผู้หญิงอยู่ด้วย พระรูปนี้อ้างว่าเป็นการทำพิธีเพื่อเรียกเงินเรียกทอง ให้ธุรกิจดีขายที่ดินได้ จากนั้นพระรูปนี้ได้มาบอกผู้หญิงให้พาไปทำบุญที่วัดต่างๆ พาไปสนทนาธรรมกับครูบาท่านหนึ่งและท่านได้ดูเรื่องอดีตชาติให้ พระรูปนี้มักจะพูดเสมอว่าฝ่ายหญิงคือเนื้อคู่ของเขา แต่ในตอนนั้นตัวของสามียังไม่ได้ระแคะระคายอะไร ต่อมาพระรูปนี้ยังพาไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ พยายามพูดหว่านล้อมเพื่อให้ฝ่ายชายรับพระรูปนี้เป็นลูกบุญธรรมต่อหน้าพระองค์ใหญ่ ด้วยความที่ฝ่ายชายเป็นคนเชื่อเรื่องธรรมะมาก จึงได้พูดขึ้นมาว่าจะรับพระรูปนี้เป็นลูกบุญธรรม
   
  หลังจากที่ทุกคนได้ทำบุญกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้ไปค้างคืนที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง จากนั้นมีคนเห็นว่าฝ่ายหญิงยืนกอดกับพระรูปนี้อยู่ แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร กระทั่งวันรุ่งขึ้นที่ทุกคนออกไปซื้อของกันหมด เหลือเพียงแค่พระรูปนี้กับฝ่ายหญิงที่อยู่กันที่รีสอร์ต เมื่อกลับมาเห็นว่าผู้หญิงกับพระอยู่ด้วยกันสองคนในห้อง แล้วล็อกประตูด้วย เมื่อฝ่ายหญิงเห็นว่าทุกคนกลับมาหมดแล้ว ก็อ้างว่า "สวดมนต์อยู่ ไม่อยากให้ใครรบกวน" แต่ในตอนนั้นสามีก็ยังไม่ระแคะระคายเคืองอะไร เพราะเชื่อใจผู้หญิงคนนี้มาก
   
  ต่อมา ช่วงเดือน มี.ค. ฝ่ายชายไม่ได้กลับบ้านที่ต่างจังหวัดเท่าไหร่ เพราะต้องทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ แล้วส่งเงินมาให้ภรรยา ซึ่งในช่วงเดือนนั้นสังเกตเห็นว่าพฤติกรรมของภรรยาเปลี่ยนไป โทรหารับสายบ้างไม่รับสายบ้าง และมีคนใกล้ชิดให้ข้อมูลว่าพระรูปนี้ได้เดินทางมาหาภรรยาที่บ้านในช่วงกลางคืนบ่อยครั้ง บางครั้งฝ่ายหญิงเป็นคนออกไปหาพระรูปนี้ที่วัดด้วย
   
  ส่วนเหตุการณ์ในคลิปเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 มี.ค. ฝ่ายชายได้รับข้อมูลจากคนสนิทว่า พระรูปนี้ได้มานอนค้างที่บ้าน โดยนอนอยู่ในห้องนอนของฝ่ายชายและภรรยา ตอนนั้นโกรธมาก จึงรีบขับรถมาที่บ้านในจ.สุโขทัย จากนั้นก็เปิดประตูห้องนอนไปพบว่าพระรูปนี้นอนเปลือยกายอยู่บนเตียงกับภรรยาของตัวเอง และในห้องก็พบสบง จีวร และสายรัดประคด ถอดอยู่ปลายเตียงด้วย ทำให้ฝ่ายชายรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกภาพเอาไว้
   
  หลังจากที่เกิดเหตุการณ์นี้ ฝ่ายหญิงก็พยายามอธิบายกับสามีว่า "น้ำห้องพระไม่ไหล เลยมาอาบน้ำห้องของเขา" แต่ภาพที่เห็นคือทั้งคู่นอนเปลือยกายกอดกันอยู่ สุดท้ายทั้ง 2 คน ก็เลิกรากันไป โดยฝ่ายชายทั้งเสียใจและโกรธมาก เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ และไม่คิดว่าพระจะมาทำพฤติกรรมแบบนี้
    
 ด้าน  นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวกรณีที่มีภาพและคลิปวิดีโอที่อ้างว่าเป็นอดีตผู้สมัครส.ส.และเป็นสมาชิกของพรรค มีความสัมพันธ์กับพระภิกษุ ซึ่งปรากฏในโซเชียล ว่า พรรคได้รับทราบข้อเท็จจริงไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องดังกล่าว และได้ติดตามเก็บข้อมูลในทันที รวมถึงตนในฐานะที่เป็นหนึ่งในกรรมการบริหารพรรค จึงได้รายงานให้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค ทราบในทันที เนื่องจากเห็นว่าบุคคลซึ่งเป็นสมาชิกพรรคจะต้องปฏิบัติตนอยู่ในกรอบจริยธรรม คุณธรรม ศีลธรรม และวางตนเป็นที่เชื่อถือศรัทธาของพี่น้องประชาชน ตลอดจนต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในเรื่องสถาบันครอบครัว ซึ่งเรื่องสำคัญดังกล่าวมีอยู่ในข้อบังคับพรรค หมวด 4 มาตรฐานทางจริยธรรมของกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรค ข้อที่ 26 ที่ให้สมาชิกพรรคต้องปฏิบัติตนอยู่ในกรอบจริยธรรม คุณธรรม ศีลธรรม ตามที่ข้อบังคับพรรคระบุไว้อย่างเคร่งครัด
    
 เมื่อหัวหน้าพรรคได้ทราบเรื่องดังกล่าว จึงได้มีคำสั่งในทันทีเพื่อตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบข้อเท็จจริง ประกอบด้วย นายธีรชาติ ปางวิรุฬห์รักษ์ อดีต ส.ส.ชุมพร, นายชริน เลี้ยงกาญจนกุล  ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ และตน ในการร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวเพื่อให้เกิดความกระจ่างชัด ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าบุคคลที่อ้างดังกล่าวเป็นสมาชิกพรรค ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.66 จนถึงปัจจุบัน หลังจากเสร็จสิ้นการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ก็ไม่ได้ร่วมทำกิจกรรมทางการเมืองใดๆ กับพรรค อีกทั้งไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ ในพรรค โดยในวันนี้คณะกรรมการฯ จะได้สอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 3 วัน จากนั้นจะได้รายงานต่อคณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาต่อไป ซึ่งหากพบว่าสมาชิกพรรคคนดังกล่าวมีการฝ่าฝืนข้อบังคับพรรค ก็จะมีโทษถึงขั้นพ้นจากความเป็นสมาชิกพรรค
     
  นี่คือความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นสถาบันทางการเมือง เมื่อมีสมาชิกพรรคกระทำการไม่ถูกต้อง พรรคก็ต้องคัดกรองบุคคล ซึ่งในข้อบังคับพรรคได้ระบุความชัดเจนไว้ว่าสมาชิกพรรคจะต้องปฏิบัติตนอยู่ในกรอบจริยธรรม คุณธรรม ศีลธรรม และวางตนเป็นที่เชื่อถือ ศรัทธาของประชาชน ข้อบังคับพรรคยังให้ความสำคัญในเรื่องการเป็นแบบอย่างที่ดีในการเสริมสร้างสถาบันครอบครัว เมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับสมาชิก พรรคจึงต้องดำเนินการตามกระบวนการอย่างเต็มที่เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าพรรคให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวอย่างแท้จริง นายราเมศ กล่าว