เรื่อง:ทีมข่าวการเมือง

ความเคลื่อนไหวทางการเมือง หลังผ่านพ้นเทศกาลสงกรานต์ ทั้งในส่วนของ “รัฐบาล”  และ “ฝ่ายค้าน”  ยังเป็นจุดโฟกัสที่ไม่อาจคลาดสายตา  แม้ก่อนหน้านี้ หลายพรรคการเมือง ต่างเผชิญกับแรงกดดันหลายทางไม่แตกต่างกัน เพียงแต่จะมากและน้อยบ้างเท่านั้น ทั้งปัจจัยที่มาจากการบริหารงาน การดำเนินบทบาท การรับมือกับคดีความ  “ทีมข่าวการเมือง” เปิดปฎิทินการเมือง หลังเทศกาลสงกรานต์  มีประเด็นร้อน ๆรออยู่ 

# สะพัด “ปรับครม.” หลังสงกรานต์  

ข่าวลือเรื่องการปรับครม. ผุดขึ้นมาก่อนหน้านี้ โดยก่อนวันที่ “ฝ่ายค้าน” เปิดเวทีสภาฯเพื่ออภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติ  ตามมาตรา 152 เมื่อวันที่ 3-4 เม.ย.67 ที่ผ่านมา  ทำเอา “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ต้องออกมายืนยันว่า ไม่มีและยังไม่คิด และที่สำคัญยังตอบคำถามสื่อชัดเจนกรณีมีข่าวว่าพรรคเพื่อไทยเตรียมดึง “พรรคประชาธิปัตย์” เข้าร่วม ด้วยว่า ไม่มีเรื่องนี้ เนื่องจากเสียงรัฐบาลที่มีอยู่วันนี้ 314 เสียงนั้นแน่นหนาและมากพอแล้ว

ข่าวลือเรื่องการปรับครม. ครั้งนั้น มี “สมการ” เข้ามาเพิ่มคือพรรคประชาธิปัตย์ ที่อยู่ในสถานะ “พรรคฝ่ายค้าน” จึงลุกลามไปว่า ข่าวลือเรื่องนี้เป็นฝีมือใคร จนทำให้ นายกฯ หยิบเอาไปย้อน “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กลางสภาฯว่า ฝ่ายค้านอย่าทำให้คนงง วันหนึ่งเป็นฝ่ายค้าน แต่อีกวันมาขอเข้าร่วมรัฐบาล เกิดเป็น “วิวาทะ”  ระหว่าง นายกฯกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ นอกสภาฯ

การปรับเปลี่ยนเก้าอี้รัฐมนตรี ยังมีแรงกระเพื่อมที่ฟากพรรคพลังประชารัฐซึ่งดูเหมือนจะชัดเจนว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ ในฐานะแกนนำพรรค ยังคงหนุน “ไผ่ ลิกค์” สส.กำแพงเพชร ของพรรคสุดตัว  ขณะที่อีกด้านหนึ่งเคยมีรายงานข่าวว่า เก้าอี้ ของ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ  รองนายกฯและรมว.ทรัพย์ฯ ไม่ค่อยมั่นคง แต่เจ้าตัวเองก็เคยบอกกับสื่อย้ำหลายครั้งว่าไม่มีอะไร และพรรคพลังประชารัฐยังไม่มีการปรับเปลี่ยนใด ๆ

ดังนั้นต้องจับตาดูกันต่อไปว่าจากนี้ “ข่าวลือ” เรื่อง “ปรับครม.” จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ และจะมีการปรับใหญ่หรือปรับเล็ก หรือจะไม่มีการปรับใดๆเลย ตามที่ นายกฯเศรษฐา ย้ำกับสื่อตลอดมา

ล่าสุดมีรายงานข่าวสะพัด "โผครม." ในส่วนของพรรคเพื่อไทยเอง พบว่า "รัฐมนตรี" หลายราย มีทั้ง "เปลี่ยนเก้าอี้" ไปจนถึง "หลุด" จากครม. กลับไปนั่งทำงานที่สภาฯ ด้วยกันหลายต่อหลายราย ไม่ว่าจะเป็น สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม  และ น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ล้วนมีชื่ออยู่ในกลุ่มเสี่ยงทั้งสิ้น ! 

# “ก้าวไกล” ยื้อ “คดียุบพรรค”

17 เม.ย.67 “ศาลรัฐธรรมนูญ” มีกำหนดประชุมเพื่อพิจารณาคำร้อง จากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองยื่นคำร้องกรณีมีหลักฐานอันควรเชื่อว่าพรรคก้าวไกล มีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคผู้ถูกร้องตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคผู้ถูกร้อง เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของบุคคลผู้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรค

โดยเมื่อวันที่ 2 เม.ย.67 ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติรับคำร้องกกต.เอาไว้พิจารณาแล้ว และแจ้งให้ผู้ร้องทราบ และส่งสำเนาคำร้องให้พรรคผู้ถูกร้อง คือพรรคก้าวไกลยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน ซึ่งจะมาตกในวันที่ 17 เม.ย.นี้

นับจากวันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องให้ยุบพรรคก้าวไกล ได้มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่น่าสนใจ ทั้งภายในพรรคก้าวไกลเอง ที่ถูกจับตาว่า สส.ที่จะเหลือรอดชีวิต หากพรรคถูกยุบจริง จะพากันเตรียมย้ายไปสังกัดพรรคสำรอง สาขาใหม่ของพรรคก้าวไกล ที่เตรียมกันเอาไว้ หรือจะถูก “ดึง” ไปอยู่พรรคอื่นๆ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย และแม้กระทั่งพรรคพลังประชารัฐ

ขณะที่สถานการณ์รอบนอกเอง พรรคก้าวไกลยังคงเดินสายทำกิจกรรมในช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ พร้อมๆกันนี้ พรรคเตรียมยื่นขอขยายเวลาการส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา คำร้องยุบพรรค ซึ่งล่าสุด “นครินทร์ เมฆไตรรัตน์” ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า อยู่ที่ดุลพินิจของศาล และการพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล คงไม่เสร็จ ยังไม่เกิดเกิดขึ้นภายในเดือน เม.ย.นี้ เพราะการขอขยายเวลาจากพรรคก้าวไกลตามกรอบเลยเดือนเม.ย.นี้ ไปแล้ว

ดังนั้นวันที่ 17 เม.ย.นี้ ยังต้องรอลุ้นคดียุบพรรคก้าวไกล กันต่อ ว่าพรรคจะใช้วิธียื้อทางใดตามมาหรือไม่ ?

# “อสส.” นัด 29 พ.ค.ฟังคดี “ทักษิณ” ผิดม.112

อัยการสูงสุด นัดวันที่ 29 พ.ค.นี้ นัดฟังคำสั่งคดี ที่ “ทักษิณ ชินวัตร”  อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกดำเนินคดีในความผิด มาตรา 112  ที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่ประเทศเกาหลีใต้ ในลักษณะพาดพิงสถาบันฯ หลังจากที่เลื่อนฟังคำสั่งคดี เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากพนักงานสอบสวนส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมตามที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งยังไม่ครบถ้วน

คดีม.112 ถูกจับตามาโดยตลอดว่าจะเกี่ยวพัน และเชื่อมโยงกับ “ดีลลับ” ระหว่าง “ทักษิณ” กับ “ขั้วอำนาจเก่า” ที่เปิดทางให้ทักษิณ ได้กลับบ้าน กลับประเทศไทยในรอบ 17 ปี ได้อย่างราบรื่น และที่สำคัญ วันนี้สามารถเข้าสู่การพักโทษ เดินสายพบปะกับบรรดานักการเมืองของพรรค ตลอดจนมีพี่น้องคนเสื้อแดง มารอต้อนรับ จนทำให้ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” กลายเป็นศูนย์กลางอำนาจใหม่ทางการเมืองไปโดยปริยาย

ดีลลับ จะล่มหรือไม่  ได้ถูกนำเอาไปผูกติดเอาไว้กับคดี ม.112 คดีนี้ ว่ายิ่งเลื่อน ออกไปเท่าใด ก็ยิ่งเท่ากับเป็นการลากยาว ดึงเกม ไม่ต่างจากเป็น “ชนัก” ที่ยังติดอยู่ข้างหลังของทักษิณ !