บทความพิเศษ

สำนักข่าวบีบีซีรายงานเมื่อวันที่ 23 เมษายนว่า เหตุประท้วงต่อต้านสงครามในฉนวนกาซาลุกลามไปในมหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐฯหลายแห่ง ไล่ตั้งแต่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เยล มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ไปยังมหาวิทยาลัยอื่นๆ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งหาทางคลี่คลายสถานการณ์

เมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ที่ 22 เมษายน ตำรวจได้เข้าสลายการประท้วงที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก และจับกุมผู้ประท้วงไปจำนวนหนึ่ง และยังมีรายงานนักศึกษาหลายสิบคนถูกจับกุมที่เยล ขณะที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียได้ยกเลิกการเรียนการสอน

การประท้วงและการโต้วาทีเกี่ยวกับสงครามอิสราเอล-กาซาและเสรีภาพ  แพร่ขยายไปสู่วิทยาเขตอื่นๆของสหรัฐฯ นับตั้บแต่การโจมตีของฮามาสในอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งทำให้เกิดปฏิบัติการของอิสราเอลในฉนวนกาซา

นักศึกษาที่สนับสนุนทั้งสองฝ่ายต่างระบุว่า มีเหตุการณ์ต่อต้านยิวที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับความเกลียดกลัวอิสลามนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจไบเดนแถลงการณ์ต่อสื่อ “เขาประณามการประท้วงต่อต้านยิว และผู้ที่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับชาวปาเลสไตน์”

การประท้วงในมหาวิทยาลัยได้รับความสนใจ ตำรวจนิวยอร์กทำการจับกุมผู้ประท้วงกว่า 100 คน ในวิทยเขตของมหาวิยาลัยโคลัมเบีย จากนั้นยังได้ลุกลามไปยังมหาวิทยาลัยเบิร์กลีย์ที่แคลิฟอร์เนีย มหาวิทยาลับเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (เอ็มไอที) มหาวิทยาลัยมิชิแกน วิทยาลัยเอเมอร์สัน และทัฟส์.

ผู้ประท้วงบางคนในโคลัมเบียแสดงการสนับสนุนการโจมตีของฮามาสในอิสราเอล ในขณะที่สมาชิกของกลุ่มประท้วงที่แถลงว่า พวกเขาปฏิเสธความเกลียดชังในทุกรูปแบบ และบอกด้วยว่าพวกที่ออกมาใช้คำพูดยั่วยุไม่ได้เป็นตัวแทนของเรา ทั้งยังยืนยันว่าคำวิพากษ์วิจารณ์ของพวกเขาพุ่งเป้าไปยังรัฐอิสราเอลและผู้สนับสนุนเท่านั้น

การประท้วงดังกล่าวยังกระตุ้นให้ศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยโคลัมเบียประกาศว่าจะหยุดสนับสนุนมหาวิทยาลัยจนกว่าจะมีการดําเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับอาจารย์บางคนในมหาวิทยาลัยได้ตําหนิโคลัมเบียที่ปล่อยให้มีการจัดการการประท้วง

ดร.มินูช ซาฟิก อธิการบดีมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ขอให้นักศึกษาอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัย โดยจะมีการจัดการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์แทน พร้อมทั้งระบุถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นพฤติกรรมข่มขู่คุกคาม

“ความตึงเครียดในมหาวิทยาลัยถูกนำไปใช้ประโยชน์และขยายวงกว้างโดยบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับโคลัมเบีย พวกเขามายังมหาวิทยาลัยเพื่อผลักดันวาระของตนเอง” ซาฟิกกล่าว และว่า กำลังมีการตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อพยายามแก้ไขวิกฤติดังกล่าว

ขณะที่สมาชิกสภาคองเกรสกลุ่มหนึ่งนำโดยเอลีส สเตฟานิก ผู้แทนพรรครีพับลิกันในนิวยอร์ก ได้ลงนามในจดหมายกดดันให้ซาฟิกลาออกจากตำแหน่ง จากความล้มเหลวในการยุติกลุ่มนักศึกษาและผู้ก่อความไม่สงบที่เรียกร้องให้มีการกระทำอันถือเป็นการก่อการร้ายต่อนักศึกษาชาวยิว ด้านพรรคเดโมแครตก็เรียกร้องให้โคลัมเบียทำให้แน่ใจว่า นักศึกษาชาวยิวจะรู้สึกปลอดภัยและได้รับการต้อนรับ

นอกจากนี้ ยังเกิดการประท้วงเป็นวงกว้างในสหรัฐฯเกี่ยวกับเหตุการณ์ในตะวันออกกลาง ผู้ประท้วงที่สนับสนุนปาเลสไตน์ได้ปิดกั้นถนนสายหลักทั่วประเทศ และจํากัดการเข้าถึงสนามบิน อย่าง สนามบินนานาชาติโอแฮร์ของชิคาโกและสนามบินนานาชาติซีแอตเติล-ทาโคมา รวมถึงสะพานโกลเดนเกตในซานฟรานซิสโกและสะพานบรูคลินในนิวยอร์ก

หมายเหตุ ..(อ้างอิงจาก มติชน ออนไลน์)