หมายเหตุ  : “ผศ.ทวี สุรฤทธิกุล” อดีตคณบดี สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ให้สัมภาษณ์รายการ “สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์” เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2567 ถึงทิศทาง ทางการเมืองจากนี้จะเป็นอย่างไร เมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ปรากฏตัวเคลื่อนไหว ต่อเนื่อง รวมทั้งการปรับครม.จะมีขึ้นหรือไม่ และโครงการแจกเงินหมื่นผ่านดิจิทัลวอลเล็ต จะเดินหน้าไปสุดทางแค่ไหน ติดตามได้ทางช่องยูทูบ Siamrathonline

- บรรยากาศทางการเมือง จากนี้ไปจะเป็นอย่างไร ภายหลังจากที่ผ่านพ้นเทศกาลสงกรานต์ไปแล้ว เมื่ออดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ปรากฏตัวพบปะประชาชนที่จังหวัดเชียงใหม่

ผมเข้าใจว่าคุณทักษิณต้องการแสดงบารมี ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยเองก็หวังพึ่งคุณทักษิณ เพื่อกอบกู้สถานการณ์ของพรรค ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยเองมีอันตรายรายล้อมอยู่ ขณะที่รัฐบาลในวันนี้ ไม่ได้เข้มแข็ง ดังนั้นก็หวังว่าคุณทักษิณ จะช่วยกอบกู้พรรคให้ได้ 

และผมเชื่อว่า คุณทักษิณ ไม่ได้คิดเฉพาะเพียงแค่จะเข้ามาส่งเสริม สนับสนุนพรรคเพื่อไทย แต่น่าจะมีเป้าหมายอื่นอีกมาก ในเรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเขาเอง คือเรื่องคดีความ ผมมองว่าคุณทักษิณ ต้องการให้เห็นว่าเขาไม่ใช่ผู้ร้าย แต่เป็นคนที่มีคุณประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง มาก่อน และจะช่วยเหลือชาติบ้านเมืองต่อไป

ดังนั้นคุณทักษิณ ต้องการลบภาพการเป็นนักโทษ หรือความผิดที่มีมา อีกประการหนึ่งคือต้องการบรรลุเป้าหมายในชีวิต คือเรื่องของน้องสาว คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ยังอยู่ต่างประเทศ ก็จะได้กลับประเทศไทย รวมถึงที่เคยมีข่าวมาตั้งแต่แรกว่าต้องการผลักดันบุตรสาว คือน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ขึ้นเป็นนายกฯ ซึ่งนี่คือเป้าหมายที่เป็นไปได้และอยากจะทำ ซึ่งคุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ก็เป็นเพียงแค่มวยแทนชั่วคราว เพื่อรักษาสถานการณ์ในเวลานี้

และอีกเรื่องหนึ่งที่ผมคิดว่าเป็นเป้าหมายสำคัญของคุณทักษิณ คือการต้องการฝากผลงาน หรือชื่อเสียงในอนาคตต่อไป เหมือนกับชาติเสือต้องไว้ลาย ชาติชายต้องไว้ชื่อ

-ที่พูดถึงมาทั้งหมด ดูเหมือนว่าจะห่างไกลกับเหตุผลที่คุณทักษิณ เคยบอกเอาไว้ว่าต้องการกลับประเทศไทย มาเพื่อเลี้ยงหลานๆทั้ง 7 คน

ไม่มีความจริงเลย นอกจากภาพที่เล่นน้ำในสระกับหลานเท่านั้น ส่วนเป้าหมายอื่นๆ ที่เคยมีการพูดว่าเมื่อกลับมาแล้วก็กลับเนื้อกลับตัว กลับใจ แต่เมื่อดูตามสภาพ ตลอดจนข่าวสารที่ออกมาก็ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น สำหรับผมแล้วว่า คุณทักษิณ ยังคงรักษาสถานภาพเดิม มีเรื่องของการเบ่งบารมี การโอ้อวด การแสดงอภินิหารต่างๆ

อาจารย์คึกฤทธิ์ ปราโมช  อดีตนายกรัฐมนตรี ท่านเคยพูดเอาไว้ว่า นักการเมืองที่ต้องการใหญ่โตในประเทศไทย ต้องสร้างอภินิหารเยอะๆ บางครั้งก็โดยบังเอิญ บางคนก็สร้างขึ้นมา อย่างท่านเคยบอกเอาไว้ว่า นักการเมืองบางคนก็เป็นมนุษย์ต่างดาว อย่างพล.ต.จำลอง ศรีเมือง คือสร้างความแปลกประหลาด คนก็รักชอบ ถ้าไม่แปลก ไม่ยิ่งใหญ่ ไม่ดัง ไม่มีทาง

ดังนั้นผมคิดว่าคุณทักษิณ ยังมีสถานภาพของความรู้สึกอยากยิ่งใหญ่ อยากดัง อยากเด่นอยู่ เชื่อว่าจะทำไปเรื่อยๆในระยะจากนี้

- ในประเด็นที่ว่าภารกิจของคุณทักษิณ ส่วนหนึ่ง คือการกลับมาช่วยดึงกระแสของพรรคเพื่อไทยให้พุ่งสูงขึ้น ดังนั้นจนถึงวันนี้ กระแสของพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างไร

เท่าที่ทราบ ก็พบว่ายังไม่ดีขึ้น ทราบว่านิด้าโพล ได้มีการทำการสำรวจเอาไว้ในช่วงแรก ที่คุณทักษิณ ไปเชียงใหม่ คาดว่าไตรมาสที่ 2 จะมีการทำโพลอีกรอบหนึ่ง โดยส่วนตัวก็รู้จักกับอาจารย์นิด้า ที่ทำโพล ท่านก็บอกว่าน่าจะลำบาก ในเรื่องกระแสของคุณทักษิณ ซึ่งผมเองได้ลองหาข้อมูล วิเคราะห์ด้วยตัวเองว่าเป็นเพราะอะไร  เราพบว่าคุณทักษิณวันนี้ ไม่เหมือนวันก่อน ฐานทางการเมือง มีผลกระทบเพราะไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมืองแล้ว  คนที่จะมีอำนาจแท้จริงคือคนที่ต้องเข้าไปมีอำนาจทางการเมือง

แม้ว่าต่อไป น.ส.แพทองธาร จะได้ขึ้นเป็นนายกฯ ส่วนคุณทักษิณ ก็ไม่ได้มีอำนาจเด็ดขาด ซึ่งตอนนั้นคุณแพทองธาร อาจจะไปทำอะไรที่คุณทักษิณ เองคุมไม่ได้ อาจจะยิ่งพาคุณทักษิณ แย่ไปด้วย

ประการต่อมา วันนี้สังคมเราเปลี่ยนแปลงไปแล้ว สภาพคนไทยที่มีความรู้สึก นึกคิดเมื่อ 17-18ปีที่แล้ว ที่เคยนิยมพรรคไทยรักไทย มาถึงพรรคพลังประชาชน ได้เปลี่ยนไปแล้ว มันไม่ใช่ กระแสทักษิณฟีเวอร์ กระแสที่เคยคลั่งพรรคไทยรักไทย จนมีเหตุการณ์ทะเลาะกัน คนเสื้อแดงออกไปเชียร์คุณทักษิณ มากมาย ก็น่าจะเสื่อมลง อย่างล่าสุดที่คุณทักษิณ เดินทางไปเชียงใหม่ เราก็ยังพบว่ามีคนเสื้อแดงส่วนหนึ่งออกมาตะโกนต่อว่าคุณทักษิณ ดังนั้นเป็นภาพหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าคุณทักษิณ ไม่ได้เป็นที่นิยมเหมือนก่อน

ประการที่สาม สภาพการเมืองที่กำลังจะเคลื่อนที่ไป เป็นคนละแบบ หากพูดในเชิงรัฐศาสตร์บอกได้ว่ากระแสในยุคคุณทักษิณ ได้เปลี่ยนไปแล้ว ซึ่งวันนี้ มีการบ้าคลั่งผู้นำสมัยใหม่ ได้นิยมอุดมการณ์สมัยใหม่ มากกว่า อย่างพรรคก้าวไกล มีผู้นำที่โดดเด่น และยังมีอุดมการณ์ที่โดดเด่นด้วย เข้าใจคนรุ่นใหม่ ซึ่งแน่นอนว่ากระแสเช่นนี้ไม่ใช่กระแสของคุณทักษิณแล้ว มองแล้วการที่คุณทักษิณ จะกอบกู้พรรคเพื่อไทยนั้นยากมาก จุดนี้น่าจะเรียกว่าเป็นจุดเสื่อมบารมีของคุณทักษิณ ก็ได้

หากมีการเลือกตั้งครั้งต่อไป อาจจะเป็นปีนี้หรือปีหน้า ผมเชื่อว่าคุณทักษิณจะไม่สามารถพาพรรคเพื่อไทยได้เสียงเพิ่มขึ้น จะยิ่งทำให้คุณทักษิณ เสื่อมบารมีลงไปทันที ส่วนคนในพรรคเพื่อไทยที่คิดว่าจะเอาคุณทักษิณ มาช่วยก็จะเริ่มมองเห็นแล้วว่า เริ่มแย่ ผมเชื่อตัวคุณทักษิณ เองก็คงไม่กล้าทุ่มเทเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ดังนั้นจะช่วยพรรคเพื่อไทยได้ไม่มาก

“คุณทักษิณ เป็นคนที่ทำตัวเอง ชอบกำหนดชะตา เป็นคนที่บงการชีวิตตัวเองโดยไม่ขึ้นอยู่กับอะไร ฟ้าดินก็คงกำหนดชีวิตคุณทักษิณไม่ได้ ฉะนั้นคุณทักษิณ ก็จะพังเพราะตัวของเขาเอง เพราะเชื่อมั่นสูง เชื่อมั่นตัวเองมากเกินไป จะนำไปสู่การหน้ามืด ตามัว”

-ความเคลื่อนไหวการปรับครม. สะพัดแรงมาก่อนสงกรานต์ จนถึงวันนี้ แต่นายกฯเศรษฐา ยืนยันว่ายังไม่มีการปรับครม.และยังปรากฏว่าเมื่อวันรดน้ำดำหัวคุณทักษิณ มีรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยนับสิบคน เข้าไปหา ถนนทุกสายก็ยังมุ่งหน้าไปที่คุณทักษิณ
 

มีข่าวว่าไปกันเกือบครบทั้งครม. หากดูตามประวัติศาสตร์ทางการเมือง เท่าที่ผมได้เคยอยู่ทำงานใกล้ชิดอาจารย์หม่อมคึกฤทธิ์ รู้สึกว่าเรื่องการปรับครม. ในช่วงรัฐบาลพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ก็จะเป็นอย่างนี้ คือมีกระแสลือออกมาว่าจะปรับ แต่นักการเมืองในสภาฯ ในครม. จะบอกว่าไม่มีๆ แต่แล้วพล.อ.เปรม ก็ปรับครม. เหตุผลคือการปรับครม. จะมาจากแรงผลักดันภายในพรรคร่วมรัฐบาล มีการแย่งตำแหน่งกัน และอีกเรื่องหนึ่งคือประเด็นสถานการณ์

การปรับครม.เป็นเรื่องที่จะทำให้เกิดการทำให้ดีขึ้น จึงต้องปรับใหม่ เริ่มต้นใหม่ แน่นอนว่าด้วยแรงผลักดันภายใน ที่ต้องการให้ปรับและมีเรื่องสถานการณ์ที่ต้องทำให้ดีขึ้น จึงทำให้รัฐบาลต้องฟังเสียงด้วย โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่มีคนมาก และขึ้นอยู่กับว่าใครคุมพรรค ซึ่งก็ย้อนกลับไปประเด็นแรกที่ว่า หากคุณทักษิณต้องการสร้างบารมี ก็อาจจะเสนอเอาคุณแพทองธาร ไปเป็นรัฐมนตรีดีไหม ซ้อมงานไว้ก่อนดีไหม แต่เราก็ไม่เห็นข่าวนี้ดังออกมาอีก เข้าใจว่าคุณทักษิณ เองคงไม่อยากให้คุณแพทองธาร ไปเป็นรองใคร หรือเป็นมวยระดับเล็กๆ แต่จะรอเป็นมวยรุ่นใหญ่ เป็นนายกฯเลย ดังนั้นก็ต้องรอดูต่อไปว่าจะมีการปรับครม.จริงหรือไม่

ซึ่งหากเป็นไปตามประวัติศาสตร์ทางการเมืองที่เคยผ่านมา เชื่อว่าต้องการปรับ และต้องปรับภายในปีนี้ด้วย อาจจะหลังการพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณ 2568 ไปแล้ว

ผมมองว่าการเมืองไทยในช่วงนี้ค่อนข้างวุ่นวาย เอาประเด็นนั้นมาใส่ประเด็นนี้ แต่ถ้าหากถามว่าคุณทักษิณเกี่ยวข้องหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าเกี่ยวข้องแน่นอน

-กรณีโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะเกิดหรือไม่ จะมีผลต่อรัฐบาล ต่อพรรคเพื่อไทย มากน้อยแค่ไหน แม้ล่าสุดรัฐบาลเพิ่งแถลงความคืบหน้าและยืนยันว่าในไตรมาสที่ 4 เงินหมื่นจะเข้ากระเป๋า คนไทย 50 ล้านคนที่มีอายุเกิน 16ปีแน่นอน

ในความเห็นของผม เชื่อว่าโครงการนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นแน่นอน จะเห็นได้ว่ามีกระแสต่อต้านเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งมีรายงานว่า ในการประชุมเมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา การประชุมใช้เวลาไม่นานนายกฯก็ทุบโต๊ะว่าจะเอาอย่างนั้นอย่างนี้ ใครคัดค้านก็ไม่ฟัง เพราะฉะนั้นเมื่อออกมาเป็นข่าว มีคนเตรียมจะฟ้องด้วย ทราบว่าอาจารย์เจษฎ์ โทณวณิก ก็จะเป็นผู้นำฟ้องด้วย หากมีการใช้เงินดิจิทัลออกมา นอกจากนี้ยังมีอดีตสนช.คือคุณอดิศักดิ์ ท่านเคยเป็นผู้บริหารธ.ก.ส.ส่งข้อความมาว่าจะยื่นฟ้องในนามธ.ก.ส.สิ่งเหล่านี้คือตัวอย่างให้เห็นว่ามีการต่อต้านมาก

อีกประเด็นหนึ่งคือการเล่นกับเวลา ยืดเยื้อออกไปถึงไตรมาสที่ 3ที่ 4 เท่ากับเป็นการซื้อเวลา ซึ่งผมมองว่าเรื่องนี้เป็นความเป็น ความตายของรัฐบาล ถ้าทำไม่ได้ รัฐบาลต้องรับผิดชอบ ด้วยการลาออก เหมือนกับการประกาศนโยบายแล้วทำไม่ได้  เหมือนการเสนองบประมาณ แล้วไม่ผ่าน ก็ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออก  เพราะฉะนั้นในทางรัฐศาสตร์ต้องรับผิดชอบ

แน่นอนว่าหลังจากเดือนพฤษภาคม เมื่อสว.ชุดปัจจุบันหมดวาระลงแล้วไป ต่อไปจะตั้งใครขึ้นเป็นนายกฯก็ได้ อาจจะมีการรวมกลุ่มกันตั้งรัฐบาลใหม่ขึ้นมาอีกก็เป็นไปได้ โดยเฉพาะหากพรรคก้าวไกล ถูกยุบไป รวมถึงเรื่องของคุณทักษิณ ในวันที่ 29 พฤษภาคม ซึ่งต้องรอฟังว่าอัยการสูงสุด จะมีคำสั่งออกมาอย่างไรในคดีมาตรา 112 หากสั่งฟ้อง คุณทักษิณ ก็จะต้องเข้าคุก ส่วนจะได้ประกันตัวก็แล้วไป ผมมองว่าเวลานี้ทุกอย่างเป็นปัญหาสำหรับพรรคเพื่อไทย นับตั้งแต่คุณทักษิณ กลับมา

- พอจะบอกได้หรือไม่ว่า วันนี้สงครามทางการเมืองเดินมาถึงฉากไหนแล้ว

ผมคิดว่าน่าจะเป็นช่วงกลางๆ โดยสงครามเริ่มต้นมาตั้งแต่ช่วงเลือกตั้งเมื่อปี 2566  จากนั้นมาถึงช่วงการตั้งรัฐบาล ในระหว่างนี้ ก็สั่งสมปัญหา สั่งสมความขัดแย้ง ส่วนจะคลี่คลายไปอย่างไร จะออกหรือจะจบปลายทางจะเป็นอย่างไร นั่นคือตอนสุดท้าย แต่ในระหว่างนี้มีการสู้รบกัน แม้ว่าพรรคฝ่ายค้านค่อนข้างอ่อนแรง เจออุปสรรคปัญหาต่างๆรายล้อม จนถึงขั้นจะถูกยุบพรรค แต่ในพรรครัฐบาลเองก็มีปัญหามาก  ฉะนั้นเวลานี้จะเป็นปัญหาภายในของพรรคร่วมรัฐบาล แม้บางพรรคอาจจะไม่ค่อยแสดงฤทธิ์เดชอะไร แต่เป็นคลื่นใต้น้ำหรือระเบิดในภูเขาไฟที่อยู่ลึกลงไป ดังนั้นจึงรอวันปะทุ

ซึ่งเหตุที่จะทำให้ปะทุ มีอยู่2-3เรื่อง คือเรื่องของคุณทักษิณ ,โครงการดิจิทัลวอลเล็ตและการปรับครม.ก็จะนำไปสู่จุดจบ หรือทางออกสุดท้าย เช่น หากเป็นไปตามระบบ อาจจะต้องมีการยุบสภา เลือกตั้งใหม่ หรือนายกฯลาออกแล้วเปลี่ยนรัฐบาล จากนั้นค่อยถูลู่ถูกัง ลากกันไป และสุดท้ายที่ยังถูกมองว่าอาจเป็นไปได้คือการัฐประหาร แต่ตอนนี้อยู่ในช่วงกลางๆ สงครามมีความวุ่นวาย แม้จะไม่ได้มีอะไรตูมตามมาก แต่เราสัมผัสได้ ถึงความร้อน ความรุนแรง ว่ายังมีอยู่จริง