“คณะก้าวหน้า”ไม่สะท้าน!ขอทำงานเดินหน้าชวนคนลง สว.ต่อ หลัง กกต.ออกประกาศห้ามจูงใจ-ชี้ชวน “ช่อ พรรณิการ์” ยันดูข้อกฎหมายแล้วไม่ผิด ถามโพสต์เฟซบุ๊ก มีผลบังคับใช้ทางกฎหมายได้ เชื่อ กกต. พุ่งเป้าเว็บ Senate 67 บอกเอาให้ชัด “ไม่ใช่แคมเปญของคณะก้าวหน้า” มองเป็นการตัดตอนผู้สมัคร ลั่น ได้ยินแว่วๆ กลัว สว.สีส้ม หวั่นได้เยอะ เลยมีความพยายามประหลาดๆ แนะภาคประชาสังคม-คนทำเว็บ Senate 67 เดินหน้าร้องศาลปกครองให้สุด อย่าให้ กกต.ใช้อำนาจเกินตัว

เมื่อวันที่ 26 เม.ย.67 นางสาวพรรณิการ์ วานิช อดีต สส.พรรคบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ และโฆษกคณะก้าวหน้า  ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ออกประกาศว่าไม่สามารถจูงใจหรือชี้ชวนบุคคลให้สมัครเป็น สว.ได้   ว่า เรื่องนี้ต้องแยกให้ชัดว่า กกต. กำลังทำอะไรอยู่กันแน่ วันนี้มีความเคลื่อนไหวจาก กกต. 2 ชุด ชุดแรกเป็นการออกระเบียบของ กกต.ว่าด้วยการแนะนำตัวผู้สมัคร สว. โดยระเบียบนี้ ตนอ่านแล้วก็สบายใจว่าสอดคล้องกับที่ประธาน กกต. เคยพูดไว้ว่าการรณรงค์เชิญชวนคนไปสมัคร สว. ของคณะก้าวหน้าไม่ผิดกฎหมายอะไร เพราะก็ทำแบบเดียวกับ กกต.   คือเชิญชวนคนไปมีส่วนร่วมทางการเมือง    ตัวระเบียบนี้ก็ออกมาชัดเจนว่าสามารถมีผู้ช่วยแนะนำตัวได้ ซึ่งคล้ายกับผู้ช่วยหาเสียงในกรณีของ สส.

“ในส่วนของระเบียบไม่ได้มีปัญหาอะไร   อาจจะมีข้อจำกัดเรื่องการแนะนำตัวทางออนไลน์ แต่ภาพรวมตอนอ่านระเบียบ   เราก็รู้สึกว่าไม่ได้มีปัญหาหรือกระทบกับแคมเปญ   โดยเฉพาะแคมเปญ สว.ประชาชนของคณะก้าวหน้า” นางสาวพรรณิการ์ กล่าว

นางสาวพรรณิการ์  ยังกล่าวว่า ในขณะเดียวกัน กกต.ก็ออกประกาศโพสต์ในเฟซบุ๊กอีก ระบุชัดเจนว่าการรวมกลุ่มการแสดงตัวในหน้าเว็บไซต์ไม่ถูกต้อง กกต. เก็บข้อมูลไว้แล้ว มีการกล่าวในลักษณะว่าให้หยุดการกระทำ หากไม่หยุดจะถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย    ซึ่งหากเอาให้ชัดคือ “ไม่ใช่แคมเปญของคณะก้าวหน้า” แต่ กกต.กำลังพุ่งเป้าไปที่เว็บไซต์ Senate 67 ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของภาคประชาชน     ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคณะก้าวหน้า    เพียงแต่เวลาเรารณรงค์ให้ประชาชนลงไปสมัคร สว. เราก็เเนะนำว่าให้ไปแสดงตัวในเว็บไซต์นี้    เพราะเป็นข้อมูลเปิด (Open source)    ให้ประชาชนเข้าไปดูได้ว่ามีใครบ้าง เพื่อให้ประชาชนทำการบ้านไปก่อน    ถือเป็นเครื่องมือที่อำนวยความสะดวกให้ประชาชน

“เมื่อ กกต. โพสต์เฟซบุ๊กแบบนี้ คำถามแรกก็คือแม้จะไม่ได้กระทบอะไรกับคณะก้าวหน้า แต่ กกต.ใช้อำนาจอะไร    เพราะในระเบียบของ กกต. ที่ออกมาในวันเดียวกัน    ไม่มีข้อไหนเลยนะคะที่บอกว่าห้าม Senate 67 ไม่สามารถตีความได้เลยว่าเว็บไซต์ Senate 67 ผิดระเบียบข้อไหน     แล้วทำให้ตั้งคำถามได้ต่อไปว่า กกต. เอาอำนาจใหม่มาบังคับใช้” นางสาวพรรณิการ์ กล่าวและว่า เราคงต้องถาม กกต. ไปให้ดังๆ ว่าผิดข้อไหน    เพราะในระเบียบไม่ได้ห้าม แต่กลับมาประกาศออกเฟซบุ๊ก

นางสาวพรรณิการ์  กล่าวว่า   ก็ไม่รู้ว่าโพสต์ทางเฟซบุ๊ก มันมีผลบังคับใช้ทางกฎหมายได้อย่างไร   ถึงแม้จะเป็นโซเชียลมีเดียของ กกต.ก็ตาม    เรื่องนี้ดิฉันคิดว่า กกต. ต้องมีความตอบที่ชัดเจน  และที่สำคัญที่สุด กกต.เองมีหน้าที่อำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองในกระบวนการเลือกตั้ง หรือสรรหาผู้มีตำแหน่งทางการเมืองทุกครั้งไม่ใช่หรือ Senate 67 ไม่ได้เข้าข้างใคร เป็นเว็บไซต์ที่ใครประสงค์จะสมัครเป็น สว.ก็เข้าไปเสนอตัวได้ทั้งหมด    มีแต่อำนวยความสะดวกให้ประชาชน    ถ้า กกต.บอกว่าผิดกฎหมายคิดว่าเรื่องนี้เป็นการจงใจทางการเมืองแล้ว

นางสาวพรรณิการ์   ตั้งคำถามว่ามีความกังวลอะไรหรือไม่ กลุ่มทางการเมืองใดที่จะได้ประโยชน์จากเว็บไซต์นี้ จึงมีความพยายามที่จะขัดขวาง ออกลายเป็นว่า กกต.เองหรือไม่ ที่พยายามเล่นการเมืองกับเรื่องนี้

เมื่อถามว่าเป็นการตัดตอนคนที่ประสงค์จะลงสมัครหรือไม่   นางสาวพรรณิการ์ กล่าวว่า แน่นอนอยู่แล้ว   ตนได้ยินข่าวลือมาว่ามีความกังวลมากเรื่อง สว.สีส้ม    ตนก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าสีส้มคืออะไรกันแน่    แต่มีความกังวลกันว่าเดี๋ยวจะได้มาเยอะและพยายามหาช่องทางที่จะสกัดกั้น    โดยการให้ใบแดงกับบุคคลเหล่านี้   ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เพราะเรื่องยังไม่เกิดขึ้น   มันจึงเกิดความพยายามอะไรประหลาดๆขึ้นมา เพื่อจะให้สิ่งถูกกฎหมายแกเป็นสิ่งผิดกฎหมายให้ได้    พร้อมย้ำว่าการรณรงค์ของคณะก้าวหน้าก็ยังดำเนินต่อไป    เพราะไม่มีอะไรผิดกฎหมายอยู่แล้ว เป็นเพียงการเชิญชวนให้ประชาชนไปสมัคร และหาก Senate 67 ผิด กกต. สามารถมีระบบรองรับให้ประชาชนเข้าไปดูข้อมูลผู้สมัครได้หรือไม่   เพราะเห็นว่ามีการคาดการณ์ว่ามีผู้สมัคร 300,000 คน

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าจะไม่มีคนลงชื่อใน Senate 67 นางสาวพรรณิการ์ ระบุว่า ตนตั้งข้อสงสัยว่าอาจเป็นเจตนารมย์ที่แท้จริงที่ออกประกาศทางเฟซบุ๊ก คือต้องการให้ผู้สมัครกลัว กังวล ถอนชื่อออกไป และไม่ลงชื่อเพิ่ม

“ดิฉันก็ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไร แต่ชัดเจนว่ากลัว ถึงแม้จะไม่มีกฎหมายรองรับ แต่ก็ต้องมีปฎิบัติการทางจิตวิทยาอะไรบางอย่างที่ทำให้ประชาชนกลัวและถอนชื่อออกไป และไม่ลงชื่อเพิ่ม” นางสาวพรรณิการ์ กล่าว

ส่วนจะทำอย่างไรต่อไปนั้น นางสาวพรรณิการ์ กล่าวว่า ในนามของคณะก้าวหน้าคงเดินหน้าต่อไป และคงต้องถามไปที่ผู้จัดทำเว็บไซต์ Senate 67   ซึ่งเป็นภาคประชาสังคม    ทางฝั่งผู้ที่รับผิดชอบเว็บไซต์นี้ควรต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุด ซึ่งมีหลายช่องทาง    ทั้งการถามตรงไปที่ กกต. หรือการฟ้องศาลปกครอง    มองว่าเราควรต้องทำ เพราะไม่ควรให้องค์กรอิสระลุแก่อำนาจ ในการทำอะไรที่เกินตัวบทกฎหมาย