เมื่อเวลา 11.40 น. วันที่ 27 เม.ย. 2567 ที่บริษัท ดรากอน เฟรช ฟรุท จำกัด ตำบลมะขาม อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ตรวจติดตามการคัดบรรจุทุเรียนคุณภาพและการแปรรูปทุเรียน และเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์สินค้าทางการเกษตรและสินค้าแปรรูปคุณภาพ โดยมีประชาชนมารอต้อนรับพร้อมให้กำลังใจนายกฯ
โดยนายกฯ เยี่ยมชมพร้อมแลกเปลี่ยนความเห็นกับตัวแทนภาคเอกชนถึงวิธีการรับทุเรียนในพื้นที่และนำส่งออก รวมถึงสั่งการป้องกันการลักลอบนำเข้าทุเรียนจากประเทศเพื่อนบ้าน และชมการสาธิตตรวจปริมาณแป้งในทุเรียนต้องมีปริมาณ 32 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้นายกฯ ได้ลองปลอกทุเรียน และชิมทุเรียนสายพันธุ์หนามดำ ซึ่งเป็นสายพันธุ์จากประเทศมาเลเซียมีเนื้อนิ่มรสชาติมัน เป็นที่นิยมของชาวจีน โดยนายกฯ กล่าวว่า “อร่อย”
จากนั้นเวลา 12.15 น. นายกฯ เดินมายังบริษัท เกาฟง จำกัด ตำบลเขาวัว อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี เพื่อตรวจติดตามการคัดบรรจุทุเรียนคุณภาพและการแปรรูปทุเรียนเตรียมส่งออก พร้อมเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์สินค้าทางการเกษตรและสินค้าแปรรูปคุณภาพ ทั้งนี้ระหว่างเดินเยี่ยมชม นายกฯ ได้สอบถามเรื่องปัญหาในการขนส่ง ซึ่งพบว่ามีปัญหาเรื่องคอนเทนเนอร์ที่หมุนเวียนไม่ทัน เพราะมีผลผลิตเกินกว่ากำลังการขนส่ง ก่อนที่นายกฯ จะเยี่ยมชมไลน์ผลิตก่อนบรรจุทุเรียนเพื่อส่งออก โดยนายกฯได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปด้วย ก่อนเยี่ยมชมห้องเย็นไนโตรเจนสำหรับแช่แข็งทุเรียนปอกแล้ว ซึ่งเป็นทุเรียนที่มีตำหนินำมาแปรรูป
จากนั้นเวลา 13.00 น. นายกฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ว่า ที่มาจังหวัดจันทบุรีวันนี้ เพราะเป็นช่วงต้นฤดูของผลผลิตทุเรียนที่เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ และเรามีการพัฒนาการเก็บทุเรียนไปเยอะมาก มีระบบล้ง การจัดเก็บทุเรียนที่เป็นมืออาชีพ แต่ปัญหาก็ยังมีอยู่บ้าง อย่างเรื่องการเก็บทุเรียนอ่อน ซึ่งวันนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ก็มีนวัตกรรมใหม่ ที่สามารถวัดได้ว่าทุเรียนอ่อนหรือทุเรียนแก่เป็นอย่างไร โดยมีการจดลิขสิทธิ์กับกรมทรัพย์สินทางปัญญากระทรวงพาณิชย์แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่เราต้องระมัดระวัง ถ้าทำไม่ดีจะเสียชื่อเสียงประเทศ เพราะเราเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ให้ประเทศจีนที่มีประเทศเวียดนามเป็นคู่แข่ง ก็อาจจะมีปัญหาเรื่องการลักลอบนำทุเรียนเข้าไทย ทั้งนี้ในวันเดียวกันนี้อธิบดีกรมศุลกากรก็มาลงพื้นที่ด้วย ตนได้มีการสั่งการไปแล้วว่าอย่าให้มีการลักลอบเกิดขึ้น
นายกฯ กล่าวต่อว่า ขณะที่เรื่องแหล่งน้ำทุเรียนจะดีได้ต้องมีแหล่งน้ำจึงได้สั่งการให้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.) กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันทำงานจัดหาแหล่งน้ำให้เพียงพอ นอกจากนี้ยังมีเรื่องการขนส่งที่ตู้คอนเทนเนอร์มีไม่เพียงพอ ต้องมีการเวียนตู้คอนเทนเนอร์เข้ามา เพราะทุเรียนเรามีเยอะ รวมถึงเรื่องการจัดเก็บทุเรียนในห้องแช่แข็งที่ได้ไปดูมา ซึ่งคนที่แกะทุเรียนแล้วแช่แข็งได้รายได้วันละ 1,500 บาท หรือกิโลละ 5 บาท ซึ่งก็ถือเป็นแหล่งงานที่สำคัญ โดยผู้ประกอบการก็ให้ความเป็นธรรม ส่วนการพัฒนาพันธุ์ทุเรียนแหล่งน้ำถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งวันเดียวกันนี้รัฐมนตรีและอธิบดีก็ลงพื้นที่มาด้วยก็ทราบถึงปัญหาดังกล่าว รวมไปถึงพื้นที่ภาคใต้ที่มีปัญหาเช่นเดียวกัน โดยจะเริ่มแก้ปัญหาจากจังหวัดจันทบุรี ซึ่งถือเป็นจุดที่ใหญ่ เพราะเป็นเมืองหลวงผลไม้ฤดูร้อนของไทย
นายกฯ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้กำชับให้กระทรวงพาณิชย์ดูราคาไม่ให้ตกต่ำ ทำตรงนี้เพื่อจะพัฒนาต่อไปที่ภาคใต้ ซึ่งมีผลไม้อย่าง เช่น เงาะที่มีชื่อเสียง ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องราคาผลไม้ถือ KPI ของกระทรวงพาณิชย์ เพราะในอนาคตเงาะอาจจะมีปัญหาในเรื่องของราคา จึงกำชับกระทรวงพาณิชย์ห้ามให้ราคาตกต่ำ
เมื่อถามถึง กรณีที่จะเดินทางไปจังหวัดระยอง ชาวบ้านอยากให้ไปดูพื้นที่โดยรอบ ที่ได้รับผลกระทบไฟไหม้จากโรงงานเก็บสารเคมีอุตสาหกรรม อยากให้นายกฯไปดูด้วย นายกฯ กล่าวว่า วันนี้อธิบดีกรมวิชาการเกษตรมาลงพื้นที่ด้วย มาดูปัญหาเรื่องสภาพดินและสภาพน้ำก็จะให้ความรู้กับเกษตรกรด้วย ส่วนเรื่องการเยียวยาเกษตรกรนั้น เป็นเรื่องปลายน้ำ ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนในเรื่องการแปรรูปสินค้าทางการเกษตรให้มากขึ้น ซึ่งอาจจะได้ราคามากกว่า