จากกรณีที่นางสาวอรุณกมล   อายุ 26 ปี ส่งเรื่องร้องเรียนกับนายเอกภพ  เหลืองประเสริฐ  ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอดหลังแฟนหนุ่มชื่อนายภาณุวิชญ์   อายุ 26 ปี ถูกกลุ่มวัยรุ่น 5 เม็ด สภาพเมายาขับรถจักรยานยนต์ 3 คันตามมาหาเรื่อง 4 คนพร้อมกับทำร้ายร่างกาย เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2567 เวลา 01.43 นาทีทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

โดย นางสาวอรุณกมล  อายุ 26 ปี แฟนสาวผู้เสียหายเผยว่า วันที่ 6 พฤษภาคม 2567 เวลา 01:43 น. เธอและแฟนหนุ่มขับรถจักรยานยนต์จากที่พักแถวแฮปปี้แลนด์ บางกะปิ กรุงเทพมหานคร มาซื้อของที่ซอยรามคำแหง 39 ขณะนั้นเธอและแฟนหนุ่มกำลังกลับรถหน้าการกีฬาแห่งประเทศไทยเพื่อจะวนเข้าซอยรามคำแหง 39 ส่วนผู้ก่อเหตุขับรถจักรยานยนต์มาเส้นทางหลังถนนรามคำแหงหากเธอเลี้ยวรถฝั่งผู้ก่อเหตุที่ขับมาต้องเจอ ระหว่างนั้นตัวเองกำลังจะเลี้ยวเข้าซอยกลุ่มคนก่อเหตุบีบเเตร 1 ครั้ง ซึ่งเธอก็คิดว่าเพื่อนหรือคนรู้จักเรียกจึงหันกลับไปยกมือให้

ก่อนที่แฟนหนุ่มของเธอจะขับรถเข้าไปภายในซอยรามคำแหง 39 จากนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ขับรถจักรยานยนต์ตามมา ช่วงเวลานั้นเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย จึงจอดรถภายในซอยห่างจากปากซอย 50 เมตร เลือกที่สว่าง ๆ เพื่อจะพูดคุยกับกลุ่มคนก่อเหตุเพราะคิดว่าบริสุทธิ์ใจและเกรงจะได้รับอันตราย

หลังจากนั้นกลุ่มคนก่อเหตุได้ลงจากรถและเข้ามาหาเรื่องโดยทันทีไม่ได้ถามอะไรกล่าวหาว่า แฟนหนุ่มของเธอแจกของลับให้ ซึ่งลักษณะของกลุ่มคนก่อเหตุตอนนั้นคล้ายคนเมาอะไรบ้างอย่างมา เธอพยายามห้ามและปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนทำและไม่ได้แจกของลับให้เป็นการเข้าใจผิด

แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุก็ไม่ยอมจับแฟนหนุ่มของเธอกระชากและเข้ามาทำร้ายร่างกายเธอซึ่งเหตุการณ์ก็เป็นไปตามคลิป ระหว่างนั้นเธอรู้สึกไม่ปลอดภัยได้โทรแจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนกลุ่มคนก่อเหตุก็ยังโต้เถียงและด่าทอพวกเธออยู่ในลักษณะข่มขู่และบอกกับเเฟนเธอ 

ซึ่งยอมรับว่าขณะนั้นเธอกลัวมากและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมฝากบอกกลุ่มคนก่อเหตุ ณ ตอนนี้ว่าเธอเองไม่ได้มีเจตนาที่จะให้ของลับหรือให้เรื่องราวออกมาเป็นแบบนี้ เป็น เหตุการณ์ที่คนก่อเหตุเข้าใจผิดและคิดไปเอง แถมยังมาข่มขู่เธออีกอยากจะบอกว่า นอกจากคุมหน้ารามแล้วคนก่อเหตุอยากถูกคุมขังหรือไม่ถึงมาทำแบบนี้กับพวกเธอที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ซึ่งเธอยืนยันว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมาย

ขณะเดียวกันเพจสายไหมต้องรอดเผยว่า หลังจากนี้จะมีการประสานไปยังผู้กำกับ สน.หัวหมาก ให้เร่งติดตามคดีดังกล่าวและเรียกกลุ่มผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำ เนื่องจากพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุค่อยข้างรุนแรงและอุกอาจเกรงจะเป็นภัยกับชาวบ้านในพื้นที่และไปทำคนอื่นอีก