รักเกือบจบแต่กลับมาได้ !! 'มิ้นต์ ชาลิดา' เผยเคยเลิกกับ 'ภูผา' แต่กลับมารักกันเพราะได้ครอบครัวเป็นกาวใจพร้อมแย้มมีคุยๆเรื่องอนาคตกันแล้ว

      เมื่อ มิ้นต์ ชาลิดา ได้มาเยือนรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ได้เปิดเรื่องราวในชีวิตพร้อมเผยความรักแบบทุกซอกทุกมุมในใจเพราะอุ่นใจที่ได้มานั่งคุยมานั่งเล่าที่นี่เป็นที่แรก พร้อมเผยความรักกับ ภูผา เคยเกือบจบแต่กลับมาได้เพราะได้ครอบครัวเป็นกาวใจ พร้อมแย้มมีคุยๆเรื่องอนาคตกันแล้ว

เห็นน้องมิ้นต์บอกว่าเขาเป็นคนที่เรียกว่า Introvert ขั้นสุด Introvert คือเป็นคนเก็บตัวเป็นคนไม่สังคมใดๆเลย
มิ้นต์ ชาลิดา : ใช่ค่ะ ต่างกับมิ้นต์เลยมิ้นต์เป็นแบบชอบเข้าสังคมเพราะว่าเราเจอคน เจออะไรตั้งแต่เด็กคุยกันอะไรอย่างนี้ มิ้นต์ชอบอัปเดตชีวิตแต่พี่ผาคือแบบมีเพื่อนก็ไม่ได้เล่าเรื่องชีวิตตัวเองให้เพื่อนฟัง เขาเป็นคนไม่ชอบเล่าไม่ชอบพูดแล้วเป็นคนที่เงียบนิ่งไม่แสดงความรู้สึกอะไรเท่าไหร่

 ความสุขของเขาคืออะไรบ้างเอ่ย
มิ้นต์ ชาลิดา : เขามีความสุขกับเรื่องง่ายๆเลยได้อยู่คนเดียวได้นอนดูโทรทัศน์ได้อยู่กับสัตว์เท่านี้พอแล้ว นี่คือความสุขของเขาเรียบง่ายเลยค่ะ

 มันทำให้มีปัญหากับคนที่เป็น Extraverts อย่างเราไหม
มิ้นต์ ชาลิดา : ก็มีค่ะ ซึ่งบางทีเราก็รู้สึกว่าเราอยากออกไปเจอเพื่อนเราเป็นสาวสังคมตั้งแต่เด็กคือว่างเราก็เจอพบปะกับเพื่อนเป็นเรื่องปกติ แต่เขาคือวันว่างคืออยู่คนเดียว เราก็บอกว่าไปด้วยกันสิไปๆมาๆเขามาเป็นเพื่อนกับเพื่อนเราแบบเพื่อนเราเยอะกว่าเพื่อนเขาแรกๆเขาก็ไปกับเรา หลังๆมันเริ่มถึงจุดอิ่มแล้ว ไม่อยากเข้าสังคมอะเหนื่อยมันไม่ใช่อะไรอย่างนี้ ก็มีการเถียงกันบ้างว่าทำไมเมื่อก่อนทำไมถึงไปได้ทำไมเดี่ยวนี้ไม่ยอมไปด้วยแล้ว

แต่วิธีการรับมืออันหนึ่งพี่ว่าน่าสนใจเวลาคนเอาแต่ใจ เขาต้องไม่เอาใจ
มิ้นต์ ชาลิดา : เขาไม่เอาใจ (แล้วคนเอาแต่ใจจะหายไปเอง) ใช่ค่ะ (ยิ้ม) เราจะฮีลด้วยตัวเราเองเมื่อขอแล้วไม่ได้ทำเองก็ได้เดินไปซื้อเองอะไรอย่างนี้ (ยิ้ม) 

เรารู้สึกเหมือนว่าไปด้วยกันไม่ได้ไหม
มิ้นต์ ชาลิดา : ด้วยการที่คบกันมานานช่วงแรกๆเขาก็ทำในสิ่งที่เราอยากทำหมด จนมันพอมาถึงจุดๆหนึ่งที่เขาก็เริ่มรู้สึกแบบกลายเป็นตัวเราที่เราต้องไม่เปลี่ยนเขาสิมิ้นต์อะไรอย่างนี้ เขาก็ไม่เคยพยายามจะเปลี่ยนอะไรเราเลยเราก็ต้องยอมรับเขาเหมือนเราคุยกับตัวเองอีกที กลับมาคุยกับตัวเองปรับที่ตัวเรา

เห็นบอกว่าก็เคยมีช่วงหนึ่งซึ่งเขาไปบวช
มิ้นต์ ชาลิดา : ใช่ค่ะ เขามีลักษณะนิสัย Introvert พร้อมจะอินไปกับเรื่องนี้ได้ง่ายอยู่แล้ว แล้วบวกกับการปฏิบัติในชีวิตเขามันก็คือเรียบง่ายอยู่แล้วค่ะ ก็เลยเข้าถึงได้ง่ายเลย

การที่เขาไปบวชการเริ่มที่เขาเข้าสู่อีกโลกหนึ่งของธรรมะมันเป็นสาเหตุหนึ่งเหมือนกันที่ทำให้ตอนนั้นเราเหมือนจะเลิกกัน
มิ้นต์ ชาลิดา : เลิกกันเลยก็ว่าได้ค่ะ เราคบกันมาเริ่ม 6-7 ปีแล้ว แล้ววันที่เขาบวชมิ้นต์ก็ไม่ได้ไปช่วงนั้นเราก็ถ่ายละครเยอะไปเยี่ยมบ้างครั้งสองครั้งจำได้ที่เขาบวชเป็นเดือนกว่าๆจนวันที่เขาสึกแล้วก็หายไปเลย ไม่ทักมาเลยหายไปเลยไม่โทรหาเราก็อ้าว .. แม่บอกว่าเขาอาจจะยังแบบยังไม่พร้อมเราก็ไม่เป็นไร ผ่านไปสัปดาห์หนึ่งก็ยังหายอีกแปลกแล้ว แล้วก็คุยกับคนรอบตัวเขาพี่สาวเขาบอกว่าตอนนี้เขาแบบเหมือนยังอินอยู่นะมิ้นต์บังคับให้ทุกคนทำวัตรเช้าวัตรเย็นหรืออะไรอย่างนี้ รอบตัวนอนไวคืออินในธรรมะมากมิ้นต์ก็รู้สึกว่ามันอาจจะเป็นโมเมนต์ที่ยังไม่ต้องเข้าไปก็ได้ จนเราเริ่มรู้สึกว่าพอมันนานแล้วเราต้องเคลียร์แล้ว เราเป็นคนชอบเคลียร์ปัญหาจะเอาอย่างไร จะอยู่อย่างนี้เหรอก็คือไม่ได้บอกเลิกเราแต่หายไปเลยอยู่คนเดียวมันเกิดอะไรขึ้นประมาณ 2 สัปดาห์กว่าค่ะ ที่เขาหายไปเราก็เริ่มรู้สึกว่ามันผิดวิสัยแล้วก็เลยแบบโทรคุยเขาก็เลยบอกว่าเขาอยากอยู่คนเดียวอยู่ยังไม่อยากคุยหรือสุงสิงอะไรมาก เพราะกับเพื่อนเขาก็ยังไม่ได้ไปหาหรือทักหา เราก็เลยรู้สึกว่าไม่ชอบรอเอาอย่างไรเคลียร์มาเลยดีกว่าจะคบกับต่อหรือจะอย่างไร เขาก็บอกว่าเหมือนหยุดคุยกันไปก่อนดีกว่า เราก็บอกว่าอย่างนั้นคือเลิกนะเราจะไม่มานั่งรอไม่อะไรนะ คือเอาให้ชัดเจนเขาก็บอกว่า ณ ความรู้สึกตอนนี้คือเหมือนยังอยากอยู่คนเดียวอย่างนิ่งๆแบบนี้ เราก็บอกว่าโอเคอย่างนั้นเราก็ตัดสินใจว่าเลิก ตอนนั้นก็ตกใจนะคะ เพราะว่าเราไม่เคยคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นในชีวิต 

ตอนนั้นที่บอกว่าเลิกนะคิดว่า
มิ้นต์ ชาลิดา : คิดว่าเขาต้องง้อเราสิ นี่แหละคือชีวิตเราก็แบบบอกพี่น้องเขาว่าโอเคอย่างนั้นเราก็เลยพี่น้องของเขาว่าโอเคงั้นเราก็แบบเลิกแล้วพี่ไม่เอาแล้วไม่ต้องพยายามทำให้ไปเจอกันแล้วมันคงไปต่อไม่ได้

อกไหมช่วงนั้น
มิ้นต์ ชาลิดา : กินไม่ได้ผอมลง ผอมลงเราก็คิดว่าไม่เป็นไรเราโสดแล้วเราทำอะไรให้ตัวเองไปเรียนเต้น ไปหาเวลาทำอะไรเพื่อตัวเองแล้วช่วงนั้นก็ผอมๆลงและด้วยความที่เราตัวยืดตัวสูงมิ้นต์ก็ไม่รู้ว่าการที่เราไปเต้นๆเยอะๆมันกระแทกปอดก็เลยฉีกเข้าโรงพยาบาลหายใจแล้วเจ็บ พูดก็เจ็บ หัวเราะไม่ได้ทำอะไรแล้วรู้สึกมันจี๊ดๆอยู่ที่หน้าอก

ช่วงที่แยกกันไปนานเท่าไหร่เอ่ย
มิ้นต์ ชาลิดา : ประมาณ 8 เดือนถึงเกือบปีเลยที่ห่างๆกันไปหลังจากที่ห่างกันไปทุกคนก็พยายามเป็นกาวใจให้เรื่อยๆแล้วเราก็ยังไม่มีใครเข้ามาจริงๆเพราะเราไม่ได้ประกาศกับใครว่าเราเลิก เราโสดอะไรอย่างนี้ เพราะเราก็ต้องเคยเช็กใจตัวเองเหมือนกันว่าเราเป็นอย่างไร 

ตอนนั้นแอบรอไหม
มิ้นต์ ชาลิดา : ตอนแรกไม่ได้รอเลยค่ะ ตอนที่ตัดสินใจว่าเลิกแต่พอทุกคนเริ่มทุกอย่างมันเหมือนเดิมคุณพ่อคุณแม่เขาช่างใจหรือว่ายังไงคิดๆวนๆงงๆอยู่อย่างนั้น

แล้วตัวเขามีสัญญาณที่เปลี่ยนไปไหม
มิ้นต์ ชาลิดา : เขาก็มีทักเริ่มมีทักมาบ้างว่าเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหมไม่สบายเหรอเห็นเข้าโรงพยาบาล

สุดท้ายคืออะไรที่ทำให้ทุกอย่ากลับมา
มิ้นต์ ชาลิดา : ความที่ทุกคนรอบๆตัวพยายามช่วยทำให้มันปกติแล้วเขาก็ค่อยๆกลืนหายไปกับชีวิตประจำวันที่อยู่เขาก็เริ่มทำทุกอย่างเหมือนเดิม

แล้วมีเคลียร์ไหม
มิ้นต์ ชาลิดา : ถามค่ะ ก็พออยู่ไปสักพักหนึ่งจนรู้สึกว่าเขาปกติจริงๆแล้ว ก็ถึงเช็กว่ามันเกิดอะไรขึ้น มันเป็นอะไรเขาก็พูดว่าเนี่ยมันสงบรู้สึกชอบ ถ้าบวชอีกครั้งแล้วไม่มีภาระแล้วก็อยากที่จะบวชตลอดชีวิตเขาก็พูดคำนี้ มิ้นต์ก็บอกว่าจริงเหรอ บวชตลอดชีวิตเลยเหรอแต่ไม่ได้นะเธอต้องดูแลธุรกิจที่บ้าน ไม่ได้ห้ามว่าห้ามทำเพราะถ้าวันหนึ่งเขาอยากทำมิ้นต์ก็บอกเขาว่าก็บอกได้ แต่เราก็รู้สึกว่าอย่าเพิ่งทิ้งภาระหน้าที่ต้องมีอยู่แล้วไปอะไรอย่างนี้ ตอนนั้นก็ถามแล้วฉัน ถ้าทิ้งกันก็ไปตั้งแต่ตอนนี้เลยนะพูดเล่นๆขำๆก็บอกเขาว่าอย่ามารอให้แก่กว่านี้นะอะไรอย่างนี้ ก็มีแซวๆแต่ก็คบกันมาจนถึงตอนนี้ก็รู้แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ตอนนี้ 12 ปีแล้วค่ะ ณ เวลาตอนนี้คือมิ้นต์รู้สึกว่าเขาก็มีความสุข เราก็มีความสุขมันไม่มีตรงไหนที่มีปัญหาอยากเจอกันก็ลงมาเจอ

คุยกันเรื่องอนาคตไหม
มิ้นต์ ชาลิดา : เพิ่งจะมาคุยกันจริงๆก็ปีนี้แหละค่ะ เพราะว่าจริงๆมิ้นต์เป็นคนที่ไม่อยากวาดฝันอะไรไกลๆคือมองความเป็นไปได้ที่มันจะเกิดขึ้น ณ ตอนนี้ ถามว่าอยากแต่งงานไหมเขาอยากแต่ง เขาอยากมีลูกไหมเขาอยากมีแต่มิ้นต์ยังมองภาพนั้นไม่ออกสำหรับตัวมิ้นต์ มิ้นต์ก็คุยกับเขาตรงๆ

เห็นบอกว่าถ้าวันที่พร้อมจะแต่งงานก็อยากให้เขาแต่งเข้าบ้านของเรา
มิ้นต์ ชาลิดา : คือต้องบอกอย่างนี้ค่ะ ว่าบ้านมิ้นต์เป็นบ้านที่มีอะไรเราพูดคุยกันเป็นบ้านที่เติมเต็มมากๆจนพี่ผาก็เป็นเหมือนหนึ่งในครอบครัวของเราที่มีอะไรเขาก็จะแบบเป็นปกติเหมือนคนในครอบครัวแต่งไม่แต่งมิ้นต์รู้สึกว่าไม่ต่าง ถ้าเรายังไม่ได้อยากมีลูกรู้สึกว่าอยากอยู่แบบนี้ อยากอยู่กับครอบครัวแบบนี้ มีอะไรพูดคุยกันได้แบบถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เขาเข้ามาอยู่ในบ้านเราแต่ไม่เคยคุยกับเขานะคะ เป็นความอยากของเราเองที่เรารู้สึก

สามารถชมคลิป ย้อนหลัง ได้ในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ทางยูทูป :

https://youtu.be/R5zWvIah6M0?si=ucfjzVjskDOrx4VQ 

https://youtu.be/eFlP-Ls4iYA?si=4i11hiCvcQE64iAT