ในวันนี้(11 พ.ค. 67) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายธนู งามยิ่งยวด ชาวบ้านในหมู่ 1  ต.น้ำพุ  อ.เมือง  จ.ราชบุรี  ว่าตนเองกับผู้ใหญ่บ้านในหมู่ 1 และยังมีชาวบ้านในพื้นที่อื่นๆรวม 5 คน ถูกหน่วยงานภาครัฐออกหนังสือประเมินภัยคุกคาม ภารกิจรักษาความปลอดภัย นายเศรษฐา  ทวีสิน  นายกรัฐมนตรี ที่จะมาปฎิบัติราชการในพื้นที่ จ.ราชบุรี ในวันที่ 12-13  พ.ค.67  นี้ ทั้งที่ตนกับชาวบ้านอีก 4 คน นั้นไม่ได้รู้เรื่องอะไรและไม่ได้มีความคิดว่าจะเดินทางไปยื่นหนังสือเรื่องความเดือดร้อนกับนายกรัฐมนตรีเลย จึงเดินทางไปพุดคุยด้วย
   

โดยนายธนู งามยิ่งยวด พร้อมกับนายสมชาย หลวงละ และชาวบ้านในหมู่ 1  ต.น้ำพุ  ได้นำเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานไหนยังไม่ทราบ  มาให้ผู้สื่อข่าวดู  ซึ่งในเอกสารดังกล่าวนั้น พบว่า เป็นหนังสือประเมินภัยคุกคาม ภารกิจรักษาความปลอดภัย นายเศรษฐา  ทวีสิน  นายกรัฐมนตรี  ที่จะมาปฎิบัติราชการในจ.ราชบุรี  พร้อมทั้งมีการนำรูปถ่ายและประวัติส่วนตัวของนายสมชาย  หลวงละ  และระบุข้อความว่า เป็นแกนนำเรียกร้องปัญหาความเดือดร้อนการปล่อยน้ำเสียของฟาร์มสุกร  หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ช่วยแก้ไข ช่วยเหลือ แต่ยังไม่เป็นที่พอใจ    นายเปเล่  กัวพู่  และนายสมบัติ  วริทธิกรกุล  อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.ตะนาวศรี  อ.สวนผึ้ง   ได้คัดค้านโครงการก่อสร้างเก็บน้ำบ้านหนองตาดั้ง นายธนู  งามยิ่งยวด  และนายจำเนียร  จินดาโชติ  ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1  ต.น้ำพุ  เรียกร้องแก้ไขปัญหากำจัดสารเคมีและการเยียวยาผู้เดือดร้อน ปัญหาได้รับการช่วยเหลือแต่ยังไม่เป็นที่พอใจ  ซึ่งนายธนูกับชาวบ้านนั้นมองว่าการที่ถูกหน่วยงานมีคำสั่งให้พวกตนนั้นเป็นบุคคลที่เป็นภัยคุกคามกับนายกรัฐมนตรี  นั้นเป็นเรื่องที่ไม่เป็นความจริง และอยากฝากถามถึงหน่วยงานที่ออกหนังสือดังกล่าวนั้นเพื่อต้องการอะไร 
   

ซึ่งนายธนู  บอกว่า การที่นำรูปภาพประวัติส่วนตัวของตนเองกับผู้ใหญ่บ้านไปลง นั้นเป็นการให้ข้อมูลเท็จและเตรียมแจ้งความดำเนินคดีกับหน่วยงานที่ออกคำสั่งมา  เพราะในพื้นที่ของหมู่ 1 ต.น้ำพุ  นั้นได้รับความเดือดร้อนจากฟาร์มสุกร  มานานกว่า 23 ปี แล้ว  และก็ได้รับการยืนยันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ลงมาตรวจสอบ ทั้งเรื่องของกลิ่นเหม็น และเรื่องของน้ำเสียที่ตอนนี้ซึมลงไปถึงชั้นน้ำบาดาล โดยมีหน่วยงานนำน้ำไปตรวจและยืนยันว่าน้ำบาดาลนั้นปนเปื้อนสารพิษห้ามชาวบ้านนำมาใช้อุปโภค บริโภค  จนทำให้ตอนนี้ชาวบ้านในหมู่ 1  ซึ่งปลูกลำไยเป็นพืชเศรษฐกิจ  ต้องปล่อยให้ลำไยยืนต้นตาย  เพราะไม่สามารถนำน้ำไปรดได้  และชาวบ้านนั้นก็ยังไม่ได้รับการเยียวยาหรือได้รับการช่วยเหลือจากทางโรงงานหรือหน่วยงานภาครัฐเลย  จนชาวบ้านนั้นต้องรวมตัวกันฟ้องศาลและขณะนี้เรื่องก็ยังอยู่ในชั้นศาลอุธรณ์  จึงไม่จำเป็นจะต้องไปยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีให้ช่วยเหลือแล้ว  แต่การออกหนังสือแบบนี้และยังให้เจ้าหน้าที่มาคอยติดตามตนเองกับผู้ใหญ่บ้าน  ทำให้รู้สึกว่าไม่ได้รับความปลอดภัย  ทั้งที่ตนกับชาวบ้านในหมู่ 1  นั้นเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบแต่กับถูกยัดเหยียดให้เป็นบุคคลที่เป็นภัยคุกคามต่อนายกรัฐมนตรี  จึงอยากให้หน่วยงานที่ออกหนังสือฉบับนี้มาชี้แจง ซึ่งยังไม่ทราบแน่ชัดว่า หน่วยงานไหนออกหนังสือมา แต่บุคคลที่มาคอยติดตามและนำหนังสือฉบับนี้มานั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับคำสั่งมา  จึงต้องมาปฎิบัติหน้าที่  และการที่นายกรัฐมนตรีจะลงช่วยแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านแต่กลับถูกหน่วยงานขัดขวางและยังสั่งให้เป็นบุคคลที่เป็นภัยคุกคาม  ไม่เว้นแม้แต่ผู้ใหญ่บ้านที่ต้องคอยดูแลทุกข์สุขให้กับชาวบ้านก็ยังโดน  จึงอยากให้มีการตรวจสอบหน่วยงานนั้นว่ามีการลงตรวจสอบพื้นที่จริงหรือไม่  หรือแค่คิดไปเอง แล้วก็มายัดเหยียดให้ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนเป็นบุคคลอันตรายที่เป็นภัยคุกคามต่อนายกรัฐมนตรี