ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค.67 ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักพร้อมกับลมพายุพัดกระหน่ำหลายอำเภอของจังหวัดสุพรรณบุรี ทำให้บ้านเรือนประชาชน ศาลาวัด และต้นไม้โค่นล้มทับบ้านเรือนประชาชนและล้มทับขวางถนนกีดขวางการจราจร 

ล่าสุด ที่สำนักงานเทศบาลตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี มีประชาชนจำนวนมากเดินทางมาแจ้งความเสียหายของทรัพย์สินจากการถูกลมพัดกระหน่ำเมื่อช่วงค่ำวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีต้นไม้โค่นล้มทับบ้านเรือนรถยนต์และล้มทับถนนกีดขาวงการจราจร  ทางด้านนายวิรัตน์ คำหอมกุล นายกเทศมนตรีตำบลบ้านโพธิ์  ได้นำเจ้าหน้าที่ออกช่วยตัดต้นไม้ที่ล้มขวางถนนเพื่อเปิดทางให้รถสัญจร ผ่านไปมาได้ พร้อมกันนี้ก็ได้เข้าช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกต้นไม่ทับบ้านได้รับความเสียหาย ช่วยเคลื่อนย้ายชาวบ้านที่ไม่สามารถอยู่บ้านตัวเองได้ให้ไปอาศัยอยู่บ้านญาติชั่วคราว 

เวลา 11.00 น.นายวิรัตน์ คำหอมกุล นายกเทศมนตรีตำบลบ้านโพธิ์  พร้อมผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ได้นุงยังชีพและของใช้ที่จำเป็นไปมอบให้ชาวบ้านที่ประสบภัยเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น พร้อมกันนี้ก็ได้ให้เจ้าหน้าที่สำรวจความเสียหายของบ้านแต่ละหลังว่าเสียหายมากน้อยเพียงใดเพื่อเร่งให้การช่วยเหลือตามระเบียบของทางราชการอย่างเร่งด่วนต่อไป 

ด้าน นายวิรัตน์ คำหอมกุล นายกเทศมนตรีตำบลบ้านโพธิ์   กล่าวว่าเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 19 พ.ค.67 ได้มีลมพายุพัดกระหน่ำแบบที่เราไม่ได้ตั้งตัวทำให้มีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายจำนวน 4 หมู่บ้านประมาณ 30 กว่าหลังคาเรือนบางหลังลมพัดหลังคาบ้านไปครึ่งหลังบางหลังก็กระเบื้องหลังคาแตก   ขณะนี้ทางเทศบาลได้เร่งสำรวจความเสียหายเพื่อให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแล้วคาดว่าไม่นานคงจะได้เงินเยียวยา  อยากฝากถึงพี่น้องประชาชนช่วงนี้ขอให้ระวังเรื่องไม้ที่อยู่ข้างบ้าน  ต้องหมั่นตัดกิ่งบ้างและเรื่องไฟฟ้าเพราะเวลาเกิดเหตุการณ์ขึ้นมามันอันตราย

ส่วน พระปลัดสมชาย ถามิโก เจ้าอาวาสวัดเกาะแก้ว ตำบลหัวโพธิ์ อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่าช่วงค่ำวันเดียวกันได้เกิดฝนตกลมพายุพัดกระหน่ำที่วัดทำให้ศาลาวัดกระเบื้องหลุดจำนวนมาก  กุฏิพระสงฆ์ ต้นไม้ภายในวัดโค่นล้มเสียหายจำนวนมาก  และลมยังพัดเอาน้ำฝนสาดเข้ากุฏิจนน้ำท่วมเปียกทั้งหมดตู้เย็นในห้องล้มระเนระนาด  เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความแตกตื่นให้กับพระเณรในวัดเป็นอย่างมากเพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน และวันนี้พระเณร ญาติโยมได้มาช่วยกันเก็บกวาด เศษวัสดุสิ่งของ ต้นไม้ที่โค่นล้ม และทำความสะอาด ขณะเดียวกันได้มีเจ้าอาวาสหลายวัดได้นำสิ่งของเครื่องใชที่จำเป็นมามอบให้เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน หลังจากนี้ทางวัดก็จะต้องหาปัจจัยมาซ่อมแซมกุฏิ ศาลาการเปรียญที่พังเสียหายซึ่งคงต้องใช้ปัจจัยจำนวนมากแต่ยังไม่รู้จะหาจากไหน