ชุมพร ผจก.มูลนิธิชุมพรฯป้องอาสากู้ภัยหลังเข้าช่วยเหลือลูกเมียเกิดอุบัติเหตุผัวโมโหรัวหมัดใส่กู้ภัยบาดเจ็บ 2 ราย  ผ่านมากู้ภัยวัย 17 ไร้คำขอโทษ แม่เผยไม่น่าเกิดขึ้นกับลูกชายซึ่งเป็นจิตอาสา ล่าสุดกู้ภัยและหนุ่มคู่กรณีพบหน้ากันยอมขอโทษทุกอย่างจบ แต่ยังห่วงความปลอดภัย
       

จากกรณี นายภูมิพัฒน์ อายุ 17 ปี เป็นอาสากู้ภัยมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์(กู้ภัยสายชลชุมพร) และนางสาววิมลรัตน์ อายุ 33 ปี เป็นเจ้าหน้าที่กู้ชีพประจำศูนย์มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ จ.ชุมพร เดินทางเข้าช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถจักยานยนต์ชนกัน 2 คันทำให้มีคนเจ็บเป็นเด็กอนุบาลชาย-หญิง 2 คน แม่เด็กวัย 25 ปี  1 คน และคนขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นชาวเมียนมาอายุ อีก 1 คน 
           

ขณะที่เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลคนเจ็บอยู่นั้นได้มีสามีและพ่อของผู้บาดเจ็บเด็กและผู้ใหญ่แสดงอาการโมโหโวยวายที่ลูกเมียเจ็บจึงเดินขึ้นรถกู้ชีพเตะชายคู่กรณีที่เป็นชาวเมียนมาขณะนอนอยู่บนเตียงแต่ไปโดนนางสาววิมลรัตน์ จนมีคนไปดึงอกมา หลังจากนั้นผัวคนเจ็บเดินเข้าไปรัวหมัดใส่นายภูมิพัฒน์ อาสากู้ภัยยืนอยู่บริเวณด้านหน้ารถกู้ชีพ ภายหลังช่วยเหลือภรรยาผู้ก่อเหตุเสร็จ จนได้รับบาดเจ็บ ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น
         

คืบหน้าเมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 21 พ.ค.นายคมสันต์  ตวงอิทธิกุล  รองประธาน/ผู้จัดการมูลนิธิฯ ออกมาเปิดเผยว่า เวรเช้าของเมื่อวานได้รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถจักรยานยนต์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 4 ราย จึงได้ออกตรวจสอบและให้การช่วยเหลือคนเจ็บแต่ต่อมาทราบว่าเจ้าหน้าที่กู้ชีพประจำศูนย์และอาสากู้ภัยถูกญาติผู้บาดเจ็บทำร้ายร่างกาย ต่อมาทราบว่าเป็นสามีของหญิงและบิดาของเด็ก
     

หลังจากนั้นให้ไปตรวจร่างกายอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาลพร้อมกับสอบถามข้อมูลเบื้องต้นทราบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่สมควรกระทำอย่างยิ่ง เพราะการที่มูลนิธิชุมพรฯเข้าไปช่วยเหลือคนเจ็บโดยไม่ได้แยกแยะว่าใครผิดถูก คนไทยหรือต่างด้าว ซึ่งการเข้าให้การช่วยเหลือเป็นอย่างตามระบบการแพทย์ฉุกเฉินแต่ถ้าที่เกิดเหตุไม่ปลอดภัย ตามหลักสูตรกู้ชีพกู้ภัยจะไม่ปฏิบัติงาน
         

การที่ญาติคู่กรณีชายต่างด้าวเข้ามาทำร้ายร่างกายด้วยบันดานโทสะหรือเจตนาทำร้ายคนเจ็บเป็นเรื่องพื้นฐานไม่ควรกระทำยิ่งขณะที่ปฐมพยาบาลอยู่ด้วยไม่ควรทำ กระผมในนามผู้บังคับบัญชาบันทึกเหตุการณ์รวบรวมพยานหลักฐานส่งข้อมูลทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย 
         

เรื่องราวการดำเนินคดีทางมูลนิธิชุมพรฯไม่ต้องการอะไรอย่างอื่นเพียงแต่การทำร้ายเจ้าหน้าที่นั้นไม่ควรกระทำอยากให้รู้ว่าเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือคนเจ็บเป็นเจตนาที่ดี ในฐานะที่เป็นองค์กรเราจำเป็นต้องปกป้องสิทธิ์ของพนักงาน และ อาสา  เจตนาของมูลนิธิฯมีเพียงเท่านี้
         

ในส่วนของเจ้าหน้าที่ ที่บาดเจ็บบริเวณมือแขนได้หยุดพักงานรักษาตัวส่วนสภาพจิตใจยังมีความกลัวอยู่บ้าง น้องไอซ์หรือนายภูมิพัฒน์วัย 17 ปี ยังมีความหวาดกลัวในการออกปฏิบัติหน้าที่ โดยมีอัธยาศัยดี ไม่ก้าวร้าว ทราบว่าขณะเกิดเหตุเป็นจังหวะเดียวที่น้องไอซ์จะเข้าไปฝึกงานที่โรงพยาบาลผ่านมาจึงเข้าไปช่วยเหลือในที่เกิดเหตุ หลังเกิดเหตุการณ์ทำร้ายร่างการคนที่มีจิตอาสาด้านการแพทย์ฉุกเฉิน กู้ชีพกู้ภัยอาจจะกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


       

ผู้จัดการมูลนิธิชุมพรฯ เผยอีกว่า พื้นฐานการใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ว่ากับใครก็ตามโดยใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหาเป็นเรื่องผิดกฎหมายซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้น”
       

ด้านนายภูมิพัฒน์ หรือน้องไอซ์  อายุ 17 ปี อาสากู้ภัยฯ เล่าความรู้สึกว่า ตอนนี้รู้สึกกลัว ระแวง เพราะว่าในอนาคตจะโดนทำร้ายแบบนี้อีกไหมและกลัวเรื่องคดีความ เพราะคนทำร้ายโพสรูปปืนลงเฟสด้วย รู้สึกเครียดมากไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน และห่วงความปลอดภัย  ส่วนคดีความเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายคู่กรณีไว้แล้ว แต่ยังไม่มีคำขอโทษหรือโทรมา
           

ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น.วันเดียวกัน  หนุ่มเลือดร้อนคู่กรณี และนายภูมิพัฒน์ กับนางสาววิมลรัตน์  2 กู้ภัยที่ถูกทำร้ายร่างกายได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร โดยหนุ่มคู่กรณี  ให้สัมภาษณ์ว่า  วันนั้นด้วยความโกรธลูกวัย 2 ขวบ เจ็บหนัก ได้ไปถีบพม่าที่นอนอยู่บนรถไม่มีเจตนาให้ถูกใคร 
           

หลังจากนั้นมีชายใส่เสื้อชอปสวมหมวกอินเด๊กสีดำ(หมวกนิรภัย)มาถึงตัวลงจากรถจึงได้ชกไปทีสองที ซึ่งเข้าใจว่าเป็นคนซ้อนท้ายหรือคนขับที่มาด้วยกันกับพม่าคู่กรณี  แต่มารู้ภายหลังว่าเป็นน้องกู้ภัย อย่างไรก็แล้วแต่เราต้องขอโทษและไม่สมควรขึ้นไปบนรถ ตอนนี้ได้ขอโทษขอโพยและได้คุยกันทั้งสองฝ่ายพร้อมญาติแล้ว ทางกู้ภัยไม่ได้ติดใจเอาความต่อกัน ก่อนหนุ่มคู่กรณีเดินทางกลับพร้อมกลุ่มเพื่อนๆออกจากโรงพักเมืองชุมพร
           

ส่วนกู้ภัยทั้งสองคน  เผยว่า ก่อนหน้านี้คู่กรณีได้คุยกันมาตลอดแต่ยังไม่ขอโทษ เพิ่งจะมาขอโทษก่อนแยกย้ายกันกลับ จริงแล้วส่วนตัวไม่ติดใจแล้วแต่คู่กรณีเป็นคนอารมณ์ร้อนเรื่องจะไม่จบและไม่ปลอดภัยกับตัวเรา ทุกอย่างจบจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น  แต่ถ้าหลังจากนี้มีการพูดถึงเราอยู่ก็นำเอกสารแจ้งความเหมือนเดิม
             

ด้านนายภูมิพัฒน์ หรือน้องไอซ์ วัย 17 ปี อาสากู้ภัย เผยว่าตนเองรู้สึกยังไม่ปลอดภัยเหมือนเดิม แต่วันนี้คู่กรณียอมขอโทษแล้ว แต่ยังอ้างว่าเราเป็นคนกระชากตัวเขาลงมาจากรถ ตนเองรับว่าไม่ได้เป็นคนดึงออกจากรถแต่ไม่ทราบว่าใครเป็นคนดึงซึ่งเขายังติดใจตรงนี้เรื่องนี้จบแค่นี้”