วันที่  24 พ.ค.67 ที่ บข.ปส. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล, พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว, พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง ,พล.ต.ต.พลัฎฐ์ วิเศษสิงห์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง รอง ผบช.ฯ ช่วยราชการ บช.ปส., พล.ต.ต.นพสิทธิ์ มิตรภักดี ผบก.ปส.1, พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4, พล.ต.ต.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผบก.ขส. และ พล.ต.ต.วิทัศน์ บริรักษ์ ผบก.สกส. ร่วมแถลงผลเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น เครือข่าย “ใหม่ Logistics” ยึดทรัพย์กว่า 2,034 ล้านบาท

พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2 กล่าวว่า ผลงานตามแผนปฏิบัติการตามล่า 100 เครือข่าย : ปิดล้อมตรวจค้นเครือข่าย “ใหม่ Logistics” สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 มี.ค.66 ตำรวจ บก.ปส.2  ได้สืบสวนพบว่าจะมีเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติดผ่านบริษัทขนส่งสินค้าระบบ Logistics จำนวนมาก จึงได้ระดมกำลังเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด จนตามจับกุมผู้ต้องหา ได้ 8 คน ในพื้นที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาใช้เวลาเพียงไม่ถึงชั่วโมงทำการกระจายคีตามีนของกลางจาก 300 กิโลกรัม จึงสามารถตรวจยึดคีตามีนที่เหลืออยู่ได้เพียง 46 กิโลกรัม และจากการสืบสวนขยายผลทำให้ทราบว่าอีก 10 วันถัดมา เครือข่ายนี้จะมีการส่งยาเสพติดล็อตใหม่มาทดแทนของกลางที่ถูกตำรวจตรวจยึดไป จนวันที่ 25 มี.ค.66 สามารถตรวจยึดคีตามีน 300 กิโลกรัม ซุกซ่อนในกล่องพัสดุ 15 กล่อง ได้ที่บริษัทไทยพาร์เซิล จำกัด (TP logistics) แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กทม. ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์ใช้ชื่อบุคคลที่เสียชีวิตแล้วเป็นผู้รับพัสดุ และใช้สถานที่นัดหมายกับพนักงานส่งสินค้าตามถนนสาธารณะ ได้สืบสวนจนออกหมายจับและจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 คน ที่ทำหน้าที่รับพัสดุดังกล่าว ต่อมาพบว่าเครือข่ายนี้ยังมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเรื่อยมา กระทั่งพบความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ต้องหาได้แจ้งเปลี่ยนสถานที่จัดส่งพัสดุ จาก จ.ปทุมธานี เป็น จว.พิษณุโลก ในวันที่ 28 มี.ค.66 เจ้าหน้าที่ได้แฝงตัวเข้าจับกุม 2 ผู้ต้องหา พร้อมของกลางยาบ้า 4,000,000 เม็ด  ที่ซุกซ่อนมาในกล่องน้ำผลไม้ 27 กล่อง ส่งผ่านบริษัทขนส่งในพื้นที่ ต.ปากโทก อ.เมือง จว.พิษณุโลก นับเป็นการส่งยาบ้าผ่านผู้ให้บริการขนส่งทางพัสดุมากสุดเท่าที่เคยมีการจับกุมได้ในประเทศไทย 

เบื้องต้นขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับเครือข่ายนี้เพิ่มเติม 4 คน หนึ่งในนั้นคือ ด.ต.ใหม่ อดีตข้าราชการตำรวจสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งถูกจับกุมตัวตามหมายจับช่วงกลางปี 66 และ อีก 2 ราย จับได้ช่วงต้นปี 67 เหลือหลบหนีอีก 1 ราย สำหรับ ด.ต.ใหม่ เป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการคนสำคัญ ทำหน้าที่จัดส่งยาเสพติดมาแล้วถึง 1,096 กล่อง และทุกครั้งจะใช้ชื่อหญิงสาวคนสนิท เป็นผู้จัดส่งพัสดุผ่านบริษัทขนส่งแห่งหนึ่ง สาขาแม่สาย จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดข้ามชาติที่มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นระบบ โดยการลำเลียงยาเสพติดของกลุ่มเครือข่ายนี้ จะมี นายออง ตี๋ อ้า สัญชาติเมียนมา เป็นหัวหน้ากลุ่มโพยก๊วนคนสำคัญในพื้นที่ท่าขี้เหล็ก ทำหน้าที่จัดส่งยาเสพติดเข้ามายังประเทศไทยให้ นายจันทร์ กลุ่มชาติพันธุ์กระเหรี่ยง ทำหน้าที่รับยาเสพติดโดยใช้บริษัทรับส่งสินค้า ในตลาดสายลมจอย อ.แม่สาย ที่เปิดเป็นธุรกิจบังหน้า เพื่อรับยาเสพติด และมีนายชาย ผู้กว้างขวางและเป็นเจ้าของโกดังหลายแห่ง ในพื้นที่ อ.แม่สาย ทำหน้าที่ประสานกับเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานนำยาเสพติด มาพักคอยไว้ที่โกดังของตน และจะมี ด.ต.ใหม่ ที่ใช้ตำแหน่งหน้าที่ประสานกับบริษัทไทยขนส่ง สาขาแม่สาย เพื่อส่งยาเสพติดมายังพื้นที่ชั้นใน จากการสืบสวนขยายผล พบความเกี่ยวข้องกับหลายเครือข่ายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และมีธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้องโยงใยถึงกัน และตรวจสอบเส้นทางการเงินในห้วง 2 ปีที่ผ่านมาพบว่า (ปี 2564-2566) มีเงินหมุนเวียนในบัญชีผู้เกี่ยวข้อง 15 บัญชี มากกว่า 2,200 ล้านบาท เมื่อนำมาคำนวณเป็นมูลค่าจากการค้ายาเสพติด (Value Based) เพื่อเสนอให้ศาลมีคำสั่งริบทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 84 พบว่ามีมูลค่าสูงถึง 1,413 ล้านบาท  โดยเครือข่ายนี้จะนำเงินจากการค้ายาเสพติด แปลงไปเป็นอสังหาริมทรัพย์และทรัพย์สินอื่นๆ โดยให้เครือญาติเป็นผู้ถือครอง 

ล่าสุด เมื่อวันที่ 1-21 พ.ค.67 ตำรวจ บก.ปส.2 เปิดปฏิบัติการปูพรมปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่และขยายผล เพื่อยึดอายัดทรัพย์สินและรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องในขบวนการนี้ ในพื้นที่ 8 จังหวัด ของภาคเหนือ, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวม 35 จุด ได้แก่ เชียงราย 10 จุด เชียงใหม่ 5 จุด ลำพูน 1 จุด สุโขทัย 2 จุด อำนาจเจริญ 2 จุด ปทุมธานี 1 จุด สมุทรปราการ 1 จุด และกรุงเทพมหานคร 13 จุด สามารถยึดอายัดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด อาทิ โฉนดที่ดิน 55 แปลง, สิ่งปลูกสร้าง 18 หลัง, รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ 16 คัน, รถแบคโฮ, แทรกเตอร์,รถเกี่ยวข้าว รวม 6 คัน, อาวุธปืน 2 กระบอก และเครื่องใช้ไฟฟ้า 3,000 รายการ ซึ่งเครือข่ายได้ฟอกเงินโดยการเปิดเป็นร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า รวม 3,097 รายการ มูลค่า 2,034,491,309 บาท 

พล.ต.ต.ธนรัชน์ กล่าวอีกว่า สืบเนื่อง ตำรวจ กก.3 บก.ปส.2 ขยายผลการจับกุมผู้ต้องหา พร้อมของกลาง ไอซ์ 50 กก. เคตามีน 50 กก. ในพื้นที่ อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ เมื่อวันที่ 10 พ.ค.67  จนทราบเป้าหมายนักบินลำเลียงยาเสพติด. ต่อมาวันที่ 13 พ.ค.67 เวลา 01.30 น. ชุดจับกุมพบรถยนต์เป้าหมาย 2 คัน คือ รถหมายเลขทะเบียน ผฉ 65xx นครสวรรค์ และ  3 ฒศ 91xx กทม. ขับขี่ตามกันมาบนถนน อ.ธาตุพนม – มุกดาหาร มุ่งหน้าเข้า อ.เมือง จ.มุกดาหาร จนกระทั่งเวลา 04.00 น. รถยนต์คันเป้าหมายทั้งสองคันขับเข้าไปจอดในบ้านเลขที่ 52 หมู่ที่ 2 บ้านหนองแคน ต.หนองหลวง อ.เสลภูมิ จว.ร้อยเอ็ด ต่อมาเวลา 05.00 น. พบรถกระบะตู้ทึบ หมายเลขทะเบียน 3 ฒศ 91xx  กรุงเทพมหานคร  ได้ขับเข้าไปจอดที่ลานจอดรถปั๊มน้ำมัน ปตท.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ชุดจับกุมจึงแสดงตัวขอตรวจค้น พบนายทวีศักดิ์ เป็นผู้ขับขี่ และนางสาวมาริสา โดยสารมาด้วย ตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่ยอมรับว่าตนพร้อมพวกได้ไปรับยาบ้าที่ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม โดยใช้รถของตนที่ขับขี่ขนยาเสพติดมาในครั้งแรก ก่อนจะขนถ่ายยาเสพติดไปไว้ในรถอีกคันหนึ่งซึ่งจอดอยู่ในบ้านพักดังกล่าว ตำรวจชุดจับกุมจึงเดินทางไปตรวจสอบ พบ นายธนัตย์ และ นายสุกฤษฎิ์ พร้อมรถหมายเลขทะเบียน ผฉ 65xx นครสวรรค์ ที่จอดอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว ตรวจสอบพบยาบ้า 12 กระสอบ วางอยู่ท้ายรถยนต์ โดยมีผ้าใบสีเขียวคลุมและมีที่นอนขนาดใหญ่วางทับอีกชั้นหนึ่ง  รวมยาบ้า 5,200,000 เม็ด สอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 4 คน รับสารภาพว่าได้รับจ้างจากผู้ว่าจ้างชาวลาวลักลอบขนยาเสพติดมาจากในพื้นที่ จ.นครพนม เพื่อไปส่งในพื้นที่ภาคกลาง โดยจะได้รับค่าจ้างคนละ 50,000 บาท 

พล.ต.ต.ธนรัชน์ กล่าวอีกว่าสำหรับ การปราบปรามยาเสพติดในห้วง 7 เดือน ที่ผ่านมา ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2566 – 22 พ.ค.67  กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สามารถจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญได้ 849 คดี ผู้ต้องหา 1,240 คน ของกลางเป็นยาบ้า 277,713,203 เม็ด,  ไอซ์ 5,857 กก., เฮโรอีน 379 กก., คีตามีน 2,041 กก. และ ยาอี 1,903 เม็ด ยึดอายัดทรัพย์สินไว้เพื่อตรวจสอบมูลค่าประมาณ 3,796 ล้านบาท

ด้าน พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. กล่าวว่า  ตามนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เน้นใช้มาตรการทางกฎหมาย เพื่อทำลายเครือข่ายยาเสพติดอย่างจริงจังทั้งระบบ ประกอบกับนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร. และพล.ต.ท.สำราญ นวลมา, พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี, พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. มุ่งปราบปรามจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ และขยายผลเครือข่ายที่จับกุมได้ทุกระดับอย่างจริงจังทุกพื้นที่รวมทั้งการขยายผลเพื่อยึดอายัดทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด ทั้งของผู้ค้า ผู้ช่วยเหลือและสนับสนุนเครือข่ายทั้งหมดมาตรวจสอบเพื่อดำเนินการต่อไป