วันที่ 25 พฤษภาคม 2567 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุ เพลิงไหม้โกดังเก็บสารเคมีจำนวน 3 ครั้ง ในพื้นที่ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา และ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ในห้วงเดือนกุมภาพันธ์ เมษายน และพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งการเกิดเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกัน และอยู่ในความสนใจของพี่น้องประชาชน ทั้งในเรื่องของความปลอดภัย การเก็บรักษา และการดำเนินคดี ซึ่งในวันนี้ เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) ได้เรียกประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ระยอง และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) โดยมี พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ร่วมประชุม

ที่ประชุมได้รายงานความคืบหน้าทางคดี ในเรื่องของการดำเนินการทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยที่เกี่ยวข้อง ในการเร่งรัดหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี ส่วนการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ชี้แจงว่าในการเข้าไปตรวจพิสูจน์ในโกดังต่างๆ ทั้งใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา และ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง จะมีรายงานการตรวจทั้งหมดเพื่อให้พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการต่อไป โดยมีประเด็นที่น่าสนใจคือใน อ.ภาชี นั้น ตรวจพบรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นประโยขน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก ในส่วนของพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำไปหลายปาก เช่นเดียวกับที่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง มีการตรวจสอบเกือบครบแล้ว คดีความคืบหน้า มีหลักฐานดำเนินการในขั้นต่อไป พร้อมประสานกับกระทรวงมหาดไทย กรมโรงงานอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนพื้นที่ที่มีโรงงานเก็บสารเคมีหรือเก็บวัตถุอันตราย  เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก โดยจะต้องมีการบูรณการร่วมกันหลายภาคส่วน เพื่อปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย ตั้งแต่การเก็บรักษา ตลอดจนการทำลาย ไม่ให้เกิดสารปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม 

 โฆษก ตร. กล่าวว่า นอกจากนี้แม้คดีมีความคืบหน้าไปพอสมควร แต่ต้องยอมรับว่าการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดไม่ได้ดำเนินคดีเพียงความผิดเรื่องการวางเพลิงเพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงการกล่าวหาในความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพนักงานสอบสวนต้องดำเนินการให้ครบถ้วนทุกมิติของทุกฐานความผิด ที่ประชุมจึงได้เร่งรัดในการดำเนินการดังกล่าว โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ  ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนของ สภ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา , สภ.บ้านค่าย จ.ระยอง และ บก.ปทส. ได้ทำรายละเอียดของคดีอย่างเร่งด่วน เพื่อพิจารณารวมสำนวนให้เป็นอำนาจของพนักงานสืบสวนสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อความเป็นธรรมและความรวดเร็ว