ศาลปกครองยกคำร้อง "บุญทรง" พร้อมพวก เหตุยังไม่มีคำสั่งปกครองบังคับใช้ ด้าน อธิบดีกรมบังคับคดี-การค้าต่างประเทศ โบ้ยกันเละ เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ศาลปกครอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าศาลปกครองได้ออกคำสั่งไม่ทุเลาและไม่คุ้มครองในกรณีที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่ากระทรวงพาณิชย์,นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงพาณิชย์,นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ,นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ และนายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกับพวก รวม 4 คน และขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งทุเลาคำสั่งบังคับทางปกครองให้ชดใช้ค่าสินไหมการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) แบ่งเป็น นายบุญทรง 1,770 ล้านบาท นายภูมิ 2,300 ล้านบาท ส่วนนายมนัส นายทิฆัมพร และนายอัครพงศ์ รายละ 4,000 ล้านบาท รวมมูลค่า 2 หมื่นกว่าล้านบาท โดยให้ทุเลาเป็นการชั่วคราว หลังดำเนินการไต่สวนเสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2559 ทั้งนี้ฝ่ายผู้ฟ้องคดีทั้ง 5 รายไม่ได้เดินทางมาศาล แต่มอบให้ตัวแทนมาฟังคำสั่งศาล ต่อมาทางศาลได้ชี้แจงเพิ่มเติมถึงสาเหตุของการออกคำสั่งดังกล่าวว่าการที่ศาลจะออกคำสั่งทุเลาการบังคับคดีตามคำสั่งพิพาทในระหว่างพิจารณาคดีได้นั้นต้องครบเงื่อนไขของกฎหมายทั้ง 3 ประการคือ 1.คำสั่งบังคับคดีให้ยึดทรัพย์น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย 2.การคำสั่งให้ยึดทรัพย์มีผลบังคับใช้ต่อไปจะส่งผลให้เกิดความเสียหายร้ายแรงเกินเยียวยาในภายหลัง และ 3.การทุเลาบังคับสั่งบังคับคดีไม่เป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานภาครัฐ ซึ่งศาลได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่านายกรัฐมนตรีและพวกยังไม่มีการใช้มาตรการบังคับการปกครองโดยการยึดทรัพย์ แค่ส่งหนังสือไปให้กับนายบุญทรงและพวกให้ชดใช้ค่าสินไหมภายใน 15 วันเท่านั้น จึงไม่เข้าเงื่อนไขที่ศาลจะออกคำสั่งทุเลา ตามเงื่อนไขตามกฎหมาย 3 ประการได้ ศาลจึงไม่อาจออกคำสั่งทุเลาได้ ทางด้านของตัวแทนผู้ฟ้องคดีระบุว่า สาเหตุที่ศาลยกคำขอเนื่องจากเห็นว่าการบังคับคดียังไม่เกิดขึ้นจริง เป็นเพียงแต่มีการแจ้งเตือนจากกระทรวงพาณิชย์ว่ามีคำสั่งให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเท่านั้น ส่วนกระบวนการบังคับคดีเป็นเรื่องที่กระทรวงพาณิชย์กับกรมบังคับคดีต้องไปดำเนินการ อย่างไรก็ตามหากมีการบังคับคดีเกิดขึ้นจริง ผู้ฟ้องคดีฯทั้งหมดก็จะยื่นต่อศาลปกครองอีกครั้งเพื่อขอทุเลาการบังคับใช้คำสั่งกระทรวงพานิชย์ดังกล่าว ส่วนคดีหลักที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงพานิชย์ให้ชดใช้สินไหมทดแทนในกรณีดังกล่าวขณะนี้อยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณาของศาล ด้านน.ส.รื่นฤดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรมชี้แจงถึงขั้นตอนการบังคับคดีว่า ขณะนี้กรมบังคับคดียังไม่ได้รับเรื่องนี้จากกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพานิชย์ที่ถือว่าเป็นผู้เสียหาย จึงยังไม่ได้ดำเนินการยึดหรืออายัดทรัพย์ใด ๆ ทั้งสั้น โดยต้องรอให้กรมการค้าต่างประเทศตั้งเรื่องมาว่ามีทรัพย์สินใดบ้างที่ต้องการให้กรมบังคับคดีดำเนินการซึ่งเป็นหน้าที่ของกรมการค้าต่างประเทศที่ต้องไปสืบหาทรัพย์สินแล้วแจ้งต่อกรมบังคับคดี หลังจากนั้นกรมบังคับคดีจึงจะปฎิบัติตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่งคือไปดำเนินการยึดอายัดทรัพย์ตามคำสั่งกระทรวงพานิชย์ต่อไป ขณะที่นางดวงพร รอดพยาธิ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ได้ส่งหนังสือให้กรมบังคับคดีไปตามขั้นตอนแล้ว แต่รายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเรื่องนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เคยชี้แจงถึงขั้นตอนการบังคับคดีเพื่อนำทรัพย์มาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามคำสั่งกระทรวงพานิชย์ จะต้องดำเนินการภายใน 45 วันนับแต่วันที่กระทรวงพานิชย์ออกคำสั่ง ซึ่งขณะนี้พ้นระยะเวลาดังกล่าวมาหลายเดือนแล้ว แต่การบังคับคดีก็ยังไม่เกิดขึ้น