กระทรวงการต่างประเทศ นำร่างแรงงานผู้เสียชีวิต  กลุ่มที่ 3 จากเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศอิสราเอล จำนวน 11 ราย ส่งให้กับครอบครัว เพื่อบำเพ็ญกุศลตามประเพณี โดยมี 3 ราย ชาวสกลนคร ครอบครัว รอรับบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า

เมื่อคืนที่ผ่านมา (1 พ.ย.66) เวลา 22.30 น.  ร่างของแรงงานชาวสกลนคร ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศอิสราเอล กลุ่มที่ 3 ส่งกลับ สู่ภูมิลำเนา โดยที่อำเภอสว่างแดนดิน ร่างของนายศตวรรษ เพียเอีย หรือโจ้ อายุ 27 ปี  แรงงานชาวบ้านปลวก ตำบลคำสะอาด ส่งกลับมาถึงบ้านเกิด มีนายมนตรี นางคำมูล เพียเอีย พ่อ และแม่ จุดธูป รับศพลูกเข้าบ้าน ทันทีที่ได้เห็นหน้าลูก นางคำมูล ผู้เป็นแม่บอกว่า ใช่แน่นอน เหมือนคนนอนหลับ ใบหน้าสะอาดสะอ้าน ไม่มีร่องรอยใด ๆ พร้อมขอบคุณ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ที่นำร่าง ของลูกชาย กลับมา บำเพ็ญ กุศลตามประเพณี ซึ่ง ครอบครัวได้นำเสื้อผ้าของนายศตวรรษ ใส่เข้าไปในโลงศพด้วย  และมีชาวบ้าน ในชุมชน ต่างมาช่วยกันตกแต่งสถานที่ เตรียมประกอบพิธี ในวันรุ่งขึ้น 


ทั้งนี้ นายชานน วาสิกศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ได้มอบหมายนายอำเภอสว่างแดนดิน หน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความช่วยเหลืออำนวยความสะดวก โดยมีทีม MCATT กระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่เยียวยาจิตใจ นอกจากครอบครัวของนายศตวรรษจะได้รับเงินชดเชยจากรัฐบาลไทย และรัฐบาลอิสราเอลแล้ว ยังได้รับเงินจากประกันสังคม ที่มอบสิทธิประโยชน์แก่ทายาท(พ่อ แม่) กรณีบำเหน็จชราภาพ เป็นเงิน 21,031.60 บาท ด้วย

รายที่ 2 เวลา 23.00 น.  ร่างของนายนันทวัฒน์ ปิ่นใจ หรือนุ๊กเกอร์ แรงงานสกลนคร ชาวบ้านเหล่า ตำบลบ้านเหล่า อำเภอเจริญศิลป์ ก็ส่งกลับมา ถึงบ้าน โดยมีนายบุญสวน ปิ่นใจ ผู้เป็นพ่อ ญาติ พร้อมด้วย นางณัฐกฤตา ดาหาร แรงงานจังหวัดสกลนคร และจัดหางานจังหวัดสกลนคร  คอยรอรับ  โดยมีการจัดเตรียมเอกสารกับทางญาติเพื่อขอรับการช่วยเหลือจากอิสราเอลและประเทศไทย บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า กำหนดพิธีสวดพระอภิธรรม วันที่ 2-4 พฤศจิกายน 2566 และฌาปนกิจในวันที่ 5 พฤศจิกายน  2566

และ รายที่ 3 เวลา ประมาณ 23.30 น. ร่างของนายมีชัย ฤทธิผล หรือ อ๋อย อายุ 42 ปี  ชาวตำบลศรีวิชัย อำเภอวานรนิวาส  ก็ได้นำกลับ ภูมิลำเนาเพื่อบำเพ็ญกุศล โดยหลังจากนายมีชัย เดินทางไปทำงานที่อิสราเอล ตั้งแต่เดือนกันยายน 2564 บรรยากาศ เต็มไปด้วยความโศกเศร้า มี แม่ ญาติ พร้อมด้วยนายอำเภอวานรนิวาส หน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน มาคอยรอรับ

ด้านนางนงค์ ฤทธิผล แม่ของผู้เสียชีวิต อายุ 64 ปี เล่าว่า ตนเองมีบุตร 3 คน สามีเสียชีวิตได้ 3 ปีกว่า โดยนายมีชัย เป็นคนสุดท้อง ไปทำงานประเทศอิสราเอล ปี 2564 มีรายได้เดือนละ 80,000 บาท  มีการติดต่อกันครั้งล่าสุด เมื่อ วันที่ 7 ตุลาคม 2566 บอกแม่ว่าตอนนี้อยากเดินทางกลับไทยมาก แต่ยังติดสัญญาจ้าง 3 ปี จะได้เงินหักฝาก 500,000 บาท จึงอดทนอยู่ต่อให้ครบสัญญา วางแผนว่าหากกลับมาได้จะไปทำงานต่อที่ประเทศแคนาดา ภายหลังสัญญาณโทรศัพท์ขาดหายก็ไม่สามารถติดต่อได้ ต่อมาเมื่อทราบข่าวการเสียชีวิตของลูกชายก็เสียใจมาก พร้อมขอขอบคุณรัฐบาล ที่ได้นำร่างของลูกกลับมา บำเพ็ญกุศล

ทั้งนี้ ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2566 เวลา 17.00 น. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒนวรขัตติยราชนารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร เป็นผู้แทนพระองค์อัญเชิญพวงมาลาพระราชทาน ไปมอบให้กับครอบครัวของแรงงานชาวจังหวัดสกลนครที่เสียชีวิตทั้ง 3 ราย