สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ เปิดเผยสถานการณ์หนี้สินในประเทศต่างๆ ทั่วโลก หรือหนี้โลก หลังสิ้นสุดไตรมาสที่ 2 หรือ 6 เดือนแรกของปีนี้ โดยระบุว่า รวมแล้วมีจำนวนมากถึง 307 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (คิดเป็นเงินไทยราวกว่า 11,091 ล้านล้านบาท) ซึ่งเป็นตัวเลขสถิติใหม่

โดยไอเอ็มเอฟ เผยว่า จากการปรับเพิ่มขึ้นของระดับหนี้โลกข้างต้น ทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อผลิตภัณฑ์มวลรวม หรือจีดีพี เพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกันที่อัตราเฉลี่ยร้อยละ 336 (336 %) จากที่ก่อนหน้านี้ระดับหนี้โลกต่อจีดีพีลดลงมา 7 ไตรมาสติดต่อกัน

พร้อมกันนี้ ทางไอเอ็มเอฟ ยังประมาณการด้วยว่า หนี้โลกภายในสิ้นปีนี้มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้น โดยจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 337 (337 %) หรือเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 1 จากช่วงไตรมาสที่ 2 นี้

นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟ ยังเปิดเผยสถานการณ์หนี้สินเป็นรายประเทศ โดยระบุว่า กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วมีระดับหนี้สินมากกว่าร้อยละ 80 ซึ่งกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วเหล่านี้ ได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น อังกฤษ และฝรั่งเศส ที่มีระดับหนี้สินเพิ่มขึ้นสูงสุด ส่วนจีน อินเดีย และบราซิล เป็นผู้นำในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่มีการก่อหนี้สินเพิ่มขึ้นสูงสุดด้วยเช่นกัน