วันที่ 10ก.พ..67- รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Harirak Sutabutr ลงวันที่8ก.พ.67 ระบุข้อความว่ารัฐบาลแห่งประเทศไทยชุดนี้เป็นรัฐบาลที่แปลกประหลาด พิลึกพิลั่น ไม่เหมือนรัฐบาลใดๆในโลก

1. รัฐบาลชุดนี้เกิดจากการรวมตัวกันของพรรคการเมืองที่อยู่คนละขั้ว ที่ต่างฝ่ายต่างประกาศว่าจะไม่ร่วมกับอีกฝ่าย แต่แล้วพรรคการเมืองต่างขั้วถึงกับมารวมกันจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างน่าอัศจรรย์ 

2.  รัฐบาลชุดนี้มีนายกรัฐมนตรีที่ชอบแต่งตัวให้เป็นจุดสนใจ ใส่ถุงเท้าแดง ถุงเท้าเขียว ถุงเท้าแดงข้างเขียวข้าง ใส่กางเกงแดงเดินอยู่ในทำเนียบ ชอบใส่สูทหรือเสื้อที่มีลวดลายมากกว่าสีพื้น ชอบปรากฏตัวตาม events ต่างๆ และเป็นนักเดินทาง เดินทางไปปรากฏตัวในจังหวัดต่างๆตั้งแต่เหนือจรดใต้ เดินทางไปมาแล้ว 10 ประเทศใน 4 เดือนแรกที่เป็นนายกรัฐมนตรี

3. นายกรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดนี้ไม่กล้าสั่งการต่อกระทรวงยุติธรรม ต่อกรมราชทัณฑ์ ต่อโรงพยาบาลตำรวจ นักข่าวตั้งคำถามครั้งใดก็บอกว่า แล้วแต่กระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ

4. รัฐบาลชุดนี้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนักโทษชายคนหนึ่ง ซึ่งถูกตัดสินให้จำคุก และตัวเองยอมรับและสำนึกผิด แต่กลับไม่ต้องนอนในเรือนจำเลยแม้วันเดียว

5. รัฐบาลชุดนี้อยากให้ประเทศไทยที่ตัวเองกำลังบริหาร อยู่ในภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ มิใยที่ที่นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของประเทศกว่า 100 คน ยืนยันว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศแม้ไม่ใช่ดีนักแต่ยังไม่ใช่วิกฤต รัฐบาลยังคงยืนยันตั้งแต่วันแรกที่เป็นรัฐบาลจนถึงวันนี้ว่าประเทศอยู่ในวิกฤต และคงจะยืนยันเช่นนี้ต่อไปจนกว่าจะหมดอำนาจ 

6. รัฐบาลชุดนี้ชอบทะเลาะข้างเดียวกับธนาคารแห่งประเทศไทย โดยเฉพาะกับผู้ว่าการ ล่าสุดนายกรัฐมนตรีถึงกับสอนวิชาเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นว่าด้วยที่มาของภาวะเงินเฟ้อ( cost-plus, demamd-pull inflation)ให้กับผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทยได้เรียนรู้ 

7. นายกรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดนี้กำลังท่องคาถาว่า อัตราเงินเฟ้อของประเทศติดลบ ในขณะที่คนทั่วไปกลับรู้สึกว่าของเกือบทุกอย่างแพงขึ้นจนต้องชะลอการจับจ่ายใช้สอยลง ซึ่งนายกรัฐมนตรียอมรับเองว่า อัตราเงินเฟ้อติดลบเพราะรัฐบาลใช้เงินของประเทศไปอุดหนุนทำให้ราคาพลังงานถูกลง อันเป็นมาตรการชั่วคราว แต่นายกรัฐมนตรียังคงบอกว่า เงินฝืดแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลเองเลือกที่จะไม่รีบนำงบประมาณที่รัฐบาลชุดที่แล้วทำไว้เข้าสภา เพื่อให้เริ่มใช้ได้ในเดือนตุลาคม 2566 แต่กลับนำมาทบทวนแก้ไขแต่ก็ไมได้แก้ไขอะไรมาก ทำให้จนบัดนี้ยังใช้งบประมาณไม่ได้ และกว่าจะใช้ได้ก็ต้องรอจนถึงเดือนพฤษภาคม 2567 ทำให้มีเวลาใช้เงินเพียง 5 เดือนเท่านั้น หรือนี่ไม่ใช่อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เงินเฟ้อติดลบ

8. รัฐบาลชุดนี้หมกมุ่นอยู่กับการผลักดันตามนโยบาย digital wallet ประหนึ่งว่าหากไม่ทำประเทศจะล่มจม นอกจากการเดินทางของนายกรัฐมนตรีไปประเทศต่างแล้ว ยังไม่มีผลงานใดๆที่เป็นชิ้นเป็นอัน มีแต่ตั้งกรรมการ soft power ที่ไม่เข้าใจ soft power คิดอะไรออกมาแต่ละอย่างล้วนไร้สาระจนเป็นที่ตลกขบขันของคนที่เขาเข้าใจคำว่า soft power ดีพอ 

9. พรรคการเมืองลำดับที่ 1 ของรัฐบาลชุดนี้ มีนักการเมืองอาวุโส รุ่นใหญ่ หัวหงอกหัวดำ จำนวนมาก แต่คนเหล่านี้ ต้องยินยอมพร้อมใจให้เด็กสาวอายุยังไม่ถึง 40 คนหนึ่ง ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีทุกคนจากพรรคนี้ต้องให้ความเกรงอกเกรงใจ บางคนถึงกับโค้งคำนับด้วยความนอบน้อมอย่างยิ่ง 

10. รัฐบาลชุดนี้กำลังจะยอมเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย  ไม่ฟังความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ฟังความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของประเทศ และคงไม่ฟังข้อเสนอแนะล่าสุดของ ปปช ดึงดันที่จะกู้เงิน 5 แสนล้าน เพื่อนำมาแจกประชาชนไม่ใช่เพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ แต่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่มีใครเห็นว่าอยู่ในภาวะวิกฤตนอกจากตัวรัฐบาลเอง ทั้งยังขู่ธนาคารแห่งประเทศไทยและผู้ที่ทักท้วงว่า หากประเทศเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งอีกครั้งต้องออกมารับผิดชอบด้วย แต่ไม่เคยพูดว่าใครจะรับผิดชอบหาก หากการเป็นหนี้ก้อนโตเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ส่งผลให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นเพียงพอที่จะชำระหนี้ได้ภายในรัฐบาลชุดนี้ 

ยังมีรัฐบาลที่แปลกประหลาด พิลึกพิลั่นกว่ารัฐบาลชุดนี้ในโลกอีกไหม ถ้าใครรู้ว่ามี ช่วยกรุณาบอกด้วยครับ