วันที่ 9 เม.ย.67 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน โพสต์เฟซบุ๊ก "Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์" ระบุว่า...

“จตุพร” ระบุเวลาทวงดีลหมดแล้ว คู่ดีลจนปัญญาควบคุมดีลเริ่มคิดหาวิธีจัดการ ประเมิน 3 สถานการณ์คาดทางเลือกสามแพร่งตัดสินใจ ชี้เป็นตัวแปรก่อผลสะเทือนการเมืองและทำประเทศยุ่งเหยิงได้

เมื่อ 7 เม.ย. 2567 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ว่า การทวงดีลกลับบ้านได้สิ้นสุดลงแล้ว และสถานการณ์ต่อไปนี้คู่ดีลจะเลือกวิธีจัดการดีลที่ควบคุมไม่ได้ ดังนั้นผลสะเทือนทางการเมืองจะเดินไปสู่ทางสามแพร่งจากสามสถานการณ์ ซึ่งเป็นปัจจัยก่อความยุ่งเหยิงให้ประเทศตั้งแต่ เม.ย.นี้ไป

อีกทั้งกล่าวว่า ในสถานการณ์แรก อัยการสูงสุดนัดทักษิณ ชินวัตร ฟังคำสั่งฟ้องหรือไม่ในคดี ม.112 วันที่ 10 เม.ย. ขณะนี้คำสั่งยังไม่มีความชัดเจน แต่มีสามทางเลือกคือ ถ้าสั่งฟ้องตามอัยการคนเก่ามีความเห็นไว้ ก็นัดพาตัวผู้ต้องหาไปศาลอาญา ส่วนทางเลือกที่สองคือ เลื่อนออกไปให้มาฟังคำสั่งใหม่ประมาณต้น พ.ค.นี้ และทางเลือกสุดท้ายสั่งไม่ฟ้อง แล้วส่งเรื่องกลับให้ตำรวจ หากไม่เห็นแย้งก็ยุติคดี ม.112 โดยปริยาย

ในสถานการณ์ที่สองเป็นคดียุบพรรคก้าวไกล นายจตุพร กล่าวว่า มีสามทางเลือกเช่นกันคือ ยุบใน เม.ย. พร้อมตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคพ่วง ส.ส. ซึ่งกรณีนี้จะถูกตัดสิทธิ์ประมาณ 26 คน อีกทางเลือกจะยุบก่อน 11 พ.ค. เน้นตัดสิทธิ์เฉพาะกรรมการบริหาร โดยมี ส.ส.โดนตัดสิทธิ์ประมาณ 4-5 คนเท่านั้น และทางเลือกที่สาม ยุบหลัง 11 พ.ค.แล้วตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคบางคนเท่านั้น

นายจตุพร กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ว่า มีคำร้องอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ทั้งการพูดแต่งตั้งผู้กำกับ การใช้รถหลวง และการแต่งตั้ง ผบ.ตร. โดยคำร้องเหล่านี้มีทางเลือก 3 ทางเช่นกัน คือ สั่งก่อนสิ้น เม.ย. และสองสั่งก่อน 11 พ.ค. ส่วนทางเลือกที่สามสั่งไม่ฟ้องเลย

อย่างไรก็ตาม ทั้งสามสถานการณ์นั้นพรรคก้าวไกลเจอหนักสุด ซึ่งจะส่งผลสะเทือนทางการเมือง แต่กรณีของทักษิณและนายเศรษฐา ยังมีปัจจัยดีลกลับบ้านและการพ้นวาระของ สว.ในวันที่ 11 พ.ค.มาเป็นตัวแปรประกอบการพิจารณา ถึงที่สุดยังไม่มีผลรุนแรงเท่ากับสั่งยุบพรรคก้าวไกล

"สถานการณ์เหล่านี้เป็นทางเลือกและทางแพร่งทางการเมือง ซึ่งอยู่ที่การปรับวิธีใช้ตั้งแต่หนักสุด กลาง และไปถึงเบาสุด ส่วนพรรคก้าวไกลต้องเตรียมแผนสำรองเมื่อถูกยุบพรรค แม้โอกาสนี้จะเรียกเสียงนิยมเพิ่มมากขึ้น แต่มืออภิปรายหลายคนจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองด้วย ดังนั้น จึงควรหาคนมาเสริมทัพรองรับไว้"

นายจตุพร กล่าวว่า การเมืองในขณะนี้หาคนจริงยากมาก มีแต่การกระทำสวนทางกับที่ประกาศไว้กับประชาชน ส่วนการดีลกลับบ้านอีกฝ่ายคิดเพียงให้กลับมาเพื่อเอาตัวไว้ในประเทศไทย แต่ทำให้กระบวนการยุติธรรมเสียหายจากอภิสิทธิ์ชน เกิดสองมาตรฐาน ทั้งหมดนี้ล้วนมาจากดีลนรกทั้งสิ้น

"สิ่งสำคัญสูงสุดวันนี้คือ วิกฤตศรัทธา ถ้าบังเกิดและพัฒนาไปไกลจึงเป็นสิ่งที่น่ากังวลมากกว่า และเห็นได้ชัดเจนว่า จะมีทักษิณหรือไม่มี ก็ไม่เกี่ยวกับการยุบพรรคก้าวไกล หากพยายามเข็นทักษิณไปต่อสู้ในสนามเลือกตั้งกับก้าวไกล ถ้าประชาชนหรือผู้มีอำนาจมีจุดยืนเช่นนี้ประเทศย่อมก้าวเดินอย่างถดถอย ไม่พัฒนาแทบจะทุกด้าน ทั้งอาจจะเกิดสถานการณ์นอกระบบเข้าแทรกแซงได้อีก"

นายจตุพร กล่าวว่า การแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตคงเกิดยาก เพราะเพื่อไทยพูดไม่ตรงกันถึง 5 ครั้ง และไม่ตรงความเดือดร้อนของประชาชนที่ลำบากกับค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเทอม เป็นหนี้ และค่ามือถือ ซึ่งใช้จ่ายด้วยดิจิทัลไม่ได้ ส่วนคนที่ได้ประโยชน์สูงสุดเป็นกลุ่มนายทุนผลิตสินค้าอุปโภค บริโภค ที่วางขายในร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้าเท่านั้น แล้วที่สุดจะพังเหมือนโครงการจำนำข้าว

อีกทั้งกล่าวว่า นายกฯ เดินทางไปต่างประเทศ เพื่อเป็นเซลล์แมน แม้อ้างดึงการลงทุนเข้าประเทศ แต่เป็นการบริหารงานที่ผิดพลาด เพราะตำแหน่งนายกฯ ต้องบัญชาการให้ตัวแทนไทยในแต่ละประเทศ หรือทูตพาณิชย์ขยับเสนอขายสินค้าของไทย แล้วรายงานความคืบหน้า ซึ่งน่าจะเหมาะสมและควรจะเป็นมากกว่าในด้านการบริหารประเทศ

ประเทศไทยต้องมาก่อน