จากกรณีศาลอาญา ได้นัดพิจารณาคดีครั้งแรก นัดประชุมคดีตรวจพยานหลักฐานในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องนางสาวสรารัตน์ หรือ แอม ไซยาไนด์ จำเลยที่ 1 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น และอีกหลายฐานความผิด, พ.ต.ท.วิฑูรย์ อดีตสามีของแอม จำเลยที่ 2 และ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณรัตน์ ทนายความของนางแอม จำเลยที่ 3 ในความผิดฐานร่วมกันทำลายหลักฐาน เพื่อช่วยเหลือจำเลยที่ 1 กรณีการเสียชีวิตของ น.ส.ศิริพร หรือก้อย ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี นั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 12.15 น. วันที่ 2 ต.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นกระบวนการในห้องพิจารณาคดี ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความฝ่ายโจทก์ร่วม กล่าวว่า วันนี้ศาลได้เลื่อนนัดไปตรวจพยานหลักฐานวันที่ 20 พ.ย.66 เพราะทนายพัช ได้คัดค้านหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่กล่าวหาว่า แม่ของก้อย ไม่ใช่แม่ตัวจริง เนื่องจากแม่มีการเปลี่ยนชื่อก่อนหน้านี้ แต่แม่ก็มีเอกสารยืนยันได้ทุกอย่าง ซึ่งศาลเชื่อแต่ทนายพัช นอกจากนี้ ทนายพัช ยังคัดค้านเอกสารหลักฐานทั้งหมดว่าฝ่ายโจทก์ยื่นล่าช้า จึงขอเวลาตรวจสอบก่อน

ทั้งนี้ จำเลยทั้ง 3 ราย ยังให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิด ซึ่งศาลก็ได้แนะกับทนายพัช ว่า ทนายความสามารถให้คำปรึกษาลูกความได้ แต่อย่าเกินเลยจนกลายเป็นการยุยงส่งเสริม 

อย่างไรก็ตาม วันนี้ตนได้ดูพยานหลักฐานเบื้องต้น ทราบว่า ฝ่ายโจทก์มีพยานโจทก์รวม 89 ปาก และมีเอกสารหลักฐานอื่นๆ อีกประมาณ 4-5 แฟ้ม ซึ่งหลักฐานมีความละเอียดเรียงลำดับเหตุการณ์ชัดเจนตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ โดยมีหลักฐานทั้งภาพและคลิปชัดเจน รวมไปถึงที่มาของไซยาไนด์ว่ามาจากไหน มีการสั่งซื้ออย่างไรไปจนถึงมือแอม / ส่วนหลักฐานในส่วนของจำเลยที่ 2-3 ก็มัดแน่นเหมือนกัน

ส่วนหลักฐานฝ่ายจำเลยที่ทนายพัช ให้สัมภาษณ์ว่า จะใช้สู้คดี วันนี้ในห้องพิจารณา ทนายพัช ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องนี้ต่อศาลแต่อย่างใด ว่ามีหลักฐานเพิ่มเติม ทั้งนี้ ตนรู้สึกแปลกใจที่ทนายพัชสวมครุยทนายความ เพราะปกติแล้วหากทนายความตกเป็นจำเลย เมื่อมาขึ้นศาล จะต้องไม่สวมครุย

ขณะที่นายรพี ชำนาญเรือ ผู้ประสานงานเหยื่อคดีแอม ไซยาไนด์ บอกว่า จากที่ได้เปิดดูพยานหลักฐานทั้งหมด ถ้าตนเป็นทนายฝ่ายจำเลย ตนคงหงายท้อง เพราะหลักฐานแน่น 99.9%  และเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ค่อนข้างละเอียด หากตนเป็นทนายฝ่ายจำเลย คงถอนตัววิ่งหนีกลับบ้าน เพราะหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ไม่สามารถโกหกได้ ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมยังยืนยันที่จะต่อสู้อยู่ 

ด้าน นางทองพิณ แม่ของก้อย บอกว่า ที่ได้เจอกันในห้องพิจารณาคดี แอมไม่ได้มาพูดคุยกับตนเลย แต่ตนก็ได้พูดออกไปว่า ขอให้ติดคุกให้ตาย เวรกรรมตามสนอง เพราะมาพรากลูกภาคแม่ ซึ่งแอมก็นั่งเฉย ไม่มองหน้า ทำเหมือนเหมือนไม่ได้ยิน เหมือนไม่เห็นตน แต่ตนได้พูดไปก็รู้สึกโล่งใจ เพราะอึดอัดมานาน ทั้งนี้ ตนสังเกตว่าแอมมีลักษณะเปลี่ยนไปมาก โดยผอมลงเหลือตัวนิดเดียว