ทนาย "แอม" ค้านพยานทุกปาก อ้างโจทก์ไม่มีพยานยืนยันว่า "แอม ไซยาไนด์" ได้เอาสารพิษให้ผู้ตายกินหรือเสพเข้าไปในร่างกายอย่างไร? ศาลนัดตรวจหลักฐานวันที่ 4 กรกฏาคม 2567 เวลา 09.00 น. ด้านทนายเดชา มั่นใจหลักฐานเเน่น ส่วนทนายพัชรเชื่อหลุดคดี เหตุไม่มีประจักษ์พยาน แม่ผู้ตายยื่นเรียกค่าเสียหาย 27ล้านบาท 

วันนี้ (20 พ.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก  เจ้าหน้ามี่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวนางสาว รัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ  "แอม" จากเรือนจำมายังศาลอาญา หลังศาลนัดตรวจพยานหลักฐานในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม ไซยาไนด์ อายุ 35 ปี หรือ พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อายุ 39 ปี อดีตสามีและอดีตรอง ผกก.สภ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี และ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ ทนายพัช อายุ 35 ปี ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น, ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ปลอมปนอาหาร ยาหรือเครื่องอุปโภคอื่นใด เพื่อบุคคลอื่นเสพหรือใช้และการปลอมปนนั้นเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย, เพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียหรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด, เพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือให้รับโทษน้อยลง เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นทำให้เสียหาย ทำลายซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิดจากกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.ศิริพร หรือ ก้อย  โดยแอม ถูกดำเนินคดีใน ความผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหาอื่น ๆ ซึ่งคดีนี้ พ.ต.ท.วิฑูรย์ อดีตสามี และ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ ทนายพัช  ทนายความ  ตกเป็นจำเลยที่ 2 และ 3 ในฐานความผิดช่วยเหลือจำเลย แอม สรารัตน์ จำเลยที่ 1 ด้วย ถูกดำเนินคดี ในความผิดฐาน ช่วยเหลือจำเลยที่ 1 มิต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง และซ่อนเร้นทำลายหลักฐาน

จากกรณีที่จำเลยทั้งสามได้กระทำความผิดต่อกฎหมายต่างกรรมกัน กล่าวคือ เมื่อวันที่ 14 เม.ย. 2566 เวลากลางวัน นางสรารัตน์ จำเลยที่ 1 มีเจตนาฆ่าโดย ไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อตระเตรียมการ หรือเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์น.ส.ศิริพร หรือก้อย ขันวงษ์ อายุ 32 ปี ด้วยการวางแผนใช้กำลังประทุษร้ายต่อชีวิต น.ส.ศิริพร โดยนำสารโพแทสเซียมไซยาไนด์ (Potassium Cyanide) อันเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตามพ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่งเป็นสารพิษที่เมื่อบุคคลเสพรับสารดังกล่าวเข้าสู่ร่างกายแล้ว ร่างกายจะดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เลือดมีภาวะความเป็นกรดสูง เกิดภาวะขาดพลังงานและออกซิเจน ส่งผลให้สมองและหัวใจขาดพลังงานและออกซิเจน อันเป็นอันตรายต่อร่างกายและชีวิตของผู้เสพรับสารดังกล่าวเข้าสู่ร่างกาย ทำการปลอมปนใส่ลงในอาหาร ยา หรือเครื่องอุปโภคบริโภค ชนิดใดและปริมาณเท่าใดไม่ปรากฏชัดให้ น.ส.ศิริพร ดื่ม หรือรับประทาน หรือเสพรับสารดังกล่าวเข้าสู่ร่างกายด้วยวิธีใดไม่ปรากฏชัด แต่เป็นปริมาณที่มากพอที่ทำให้สารโพแทสเซียมไซยาไนด์ดังกล่าวเข้าสู่ร่างกาย น.ส.ศิริพร จนหมดสติและถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา โดยในวันนี้ พ.ต.ท.วิฑูรย์ อดีตสามี และ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ ทนายพัช  ทนายความ 2 จำเลยที่ได้รับการประกันตัวไปได้เดินทางมาศาลตามกำหนดนัดด้วย ส่วน น.ส.สรารัตน์ หรือ แอม ไซยาไนด์ ถูกเบิกตัวจากทัณฑสถานหญิงกลาง  

ทนายเดชาได้กล่าวภายหลังตรวจพยานหลักฐานคดีแอมไซยาไนด์ โดยศาลได้นัดหมายนัดแรกนัดสืบพยานนัดแรก 4 กรกฎาคม  2567 นัดแรกถึงวันที่ 19 กันยายน 2566 รวมทั้งหมด 25 นัด โดยวันนี้ทางจำเลยทั้งหมดได้ปฎิเสฐข้อกล่าวหาทั้งหมด รวมทั้งพยาน88 ปาก ตัดไป1 ปากไม่ยอมรับเลย โดยจำเลยทั้ง3วันนี้ไม่มีพยานหลักฐานมาชี้เเจงต่อศาลเพิ่มเติม ส่วนมารดาของก้อยได้พยายามขอโทรศัพท์ iphone ที่ขณะนี้นังไม่ได้รับคืนจากแอม แต่แอมกลับเงียบเฉย ซึ่งทั้ง 2ไม่ได้มีการเจรจาแต่อย่างใดโดยไม่ให้เหตุผล โดยมารดาของก้อยได้เดินไปต่อว่นอกจากนี้ทางทนายพัฒได้มีการกล่าวหาว่าก้อยผู้เสียชีวิตมีการเสพสารเสพติดจนถึงแก่ความตามก็ไม่ควรดำเนินคดีกับแอม

ด้านทนายธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ ตนมาในหลายฐานะเป็นทนายจำเลย ทนายตัวเอง และเป็นจำเลย โดยได้มีการยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยเฉพาะหลักฐานคัดค้านเอกสารวัตถุพยานของอัยการที่ไม่สามารถบรรยายฟ้องเรื่องข้อกล่าวหา ที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอนครบองค์ประกอบของความผิดเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องได้ เรื่องการนำเข้าสารไซยาไนด์ในร่างกายโดยวิธีใด ทำให้จำเลยไม่สามารถต่อสู้คดีได้อย่างถูกต้อง 

ด้านทนายธันย์นิชา ชี้แจงต่อศาลว่าผู้เสียชีวิตได้มีการเสพยาซึมเศร้าไม่ใช่สารเสพติดตามที่ทนายเดชากล่าวแต่อย่างใด อ้างมีหลักฐานชัดเจนที่ก้อยเป็นคนกินก่อนที่แอมจะว่าจ้างให้เป็นทนายความ โดยทานยาที่ได้รับจากโรงพยาบาลไทรโยคนานแล้ว รวมทั้งผลชันสูตรศพก็มีสารตัวดังกล่าวอยู่

กรณีที่แม่ของก้อยได้เรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงิน 31 ล้านยืนยันว่าก็ ถือว่าเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้แต่ ในเมื่อแอมไม่มีความผิดนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องจ่าย รวมทั้งเรื่องของ iphone ขอให้ทางแม่ก้อยไปตืดตามเอาเองที่สภ.บ้านโป่ง ถึงจะทราบรายละเอียดดี